Search

ไม่หวั่นถูกคุกคาม ชาวบ้านเดินหน้าค้านแผนแม่บทป่าไม้ต่อ ระบุแค่คนจนอยากมีที่ทำกิน แต่นายทุนใหญ่กับไม่มีใครจัดการ

ภาพโดย สำนักข่าวปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน
ภาพโดย สำนักข่าวปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2559 นางจันทร โพธิ์จันทร์ สมาชิกเครือข่ายไทบ้านไร้สิทธิ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เปิดเผยว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เชิญตนให้ไปรายงานตัวกับผู้ใหญ่บ้านภายหลังจากที่เขาได้ไปพบบิดาเพื่อขอร้องให้ตนหยุดเคลื่อนไหวในประเด็นต่างๆ ที่มีผลต่อความมั่นคง ซึ่งเข้าใจว่าอาจมีสาเหตุมาจากกรณีที่ตนได้นำเสนอข้อมูลของชาวบ้านหลายรายที่ได้รับผลกระทบจากแผนแม่บททวงคืนผืนป่าไม้ของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งการกระทำทุกครั้งที่ผ่านมาเป็นการกระทำเพื่อรักษาสิทธิ์ของชุมชน เนื่องจากชาวไร่ชาวนาได้รับความเดือดร้อนจากแผนทวงคืนผืนป่า

นางจันทรกล่าวว่า ปัญหานี้ควรได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบและนโยบายจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ชาวบ้านต้องมีส่วนร่วม และจะให้รัฐออกแบบฝ่ายเดียวไม่ได้ อย่างที่ดินปลูกยางพารา 4 แปลงที่ถูกฟันทิ้ง เจ้าของสวนยางไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก ลงทุนไปยังไม่ได้ทุนคืน ก่อนรัฐตัดทิ้งควรจะพิจารณาให้ดี ใครทุนใหญ่ ใครหาเช้ากินค่ำ

นางจันทร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้(1เมษายน)ตนได้เจรจากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงแล้วโดยเขาได้บอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน การจะทำอะไรก็ตามต้องนึกถึงส่วนรวมหรืออยากตักเตือนกรณีการเคลื่อนไหวในประเด็นต่างๆที่ไม่เหมาะสม ทางเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องควบคุมหรือระงับการเคลื่อนไหวนั้นซึ่งตนมองว่าการที่เจ้าหน้าที่ทำลงไปเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บัญชาการ แต่การเคลื่อนไหวของชาวบ้านความเดือดร้อนที่มีการร้องเรียนที่เกิดขึ้น ไม่มีใครเข้ามาบัญชาการ หรือชี้นำ ทุกอย่างที่ตนนำเสนอไปก็เป็นเพราะชาวบ้านเล่าให้ฟัง ตนและประชาชนรายอื่นสร้างเครือข่ายขึ้นมาด้วยหวังว่า จะสื่อสารให้พี่น้องในสังคมไทยได้รับทราบถึงความเดือดร้อนซึ่งนับจากนี้หากจะเจออะไรที่หนักหนากว่าการที่เจ้าหน้าที่เรียกให้ไปรายงานตัวกับผู้ใหญ่บ้าน ตนก็ไม่ได้หวั่นไหว โดยเครือข่ายชาวบ้านต้องมีการแลกเปลี่ยนกันสังคมจึงจะเดินต่อไปได้

“มองว่า การที่เขาพยายามควบคุมเราเพื่อจะได้เป็นบทเรียน ให้คนอื่นรู้ว่าหากใครเคลื่อนไหวจะต้องถูกเรียกไปรายงานตัวซึ่งถ้าชาวบ้านกลัวก็จะนิ่ง แต่ถ้าชาวบ้านเข้มแข็งจะไม่มีอะไรต้องกังวล เรามั่นใจว่าทุกอย่างที่ทำเป็นแค่การสื่อสารธรรมดาไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย” นางจันทร กล่าว

ด้านนางอรนุช ผลภิญโญ สมาชิกเครือข่ายปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน กล่าวว่ากรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงพยายามควบคุมตัวนักเคลื่อนไหวที่ล่าสุดเป็นตัวแทนจากจังหวัดสกลนครและตัวแทนจังหวัดระยองจะเห็นว่าทั้งสองเป็นชาวบ้านธรรมดา จากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นคิดว่าเจ้าหน้าที่คงแค่ขู่หรือพยายามใช้อำนาจกับประชาชนทั่วไปที่เห็นต่างกับนโยบายรัฐบาลเท่านั้น คือถ้าใครไม่เห็นด้วยกับกฎหมายหรือนโยบายบางอย่าง เจ้าหน้าที่ต้องปราบปราบ โดยกำหนดเงื่อนไขขึ้นมาเอง เพื่อให้ชาวบ้านกลัว

นางอรนุชกล่าวว่า โดยส่วนตัวเสนอว่าชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากแผนทวงคืนผืนป่าไม่ควรหยุดนิ่ง เพราะที่ดินแบบภาษีบำรุงท้องที่(ภบท.5) เป็นสิทธิที่ทำกินที่รัฐเคยอนุญาตให้ชาวบ้านเพาะปลูกมานาน และชาวบ้านก็ไม่ได้เป็นทุนใหญ่ ทุนผูกขาด ซึ่งกรณีสกลนคร กับชัยภูมิก็ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกับ คณะกรรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม)แล้ว และข้อเรียกร้องยังเป็นเหมือนเดิมคือ ชาวบ้าน ต้องการให้ยกเลิกแผนทวงคืนผืนป่าและร่างนโยบายการจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ระหว่างรัฐและประชาชนขึ้นมาใหม่แบ่งพื้นที่อนุรักษ์พื้นที่ทำกินอย่างเหมาะสม