Search

ข้อพิพาทพลิก อช.ตะรุเตายันที่ดินชาวเลหลีเป๊ะไม่อยู่ในกรรมสิทธิ์นายทุน มีเอกสารชัดเจน ชาวบ้านใจชื้นพร้อมปกป้องแผ่นดินเกิด

received_1085332734843344
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2559 นางสาวฉัตรพร พระอ๊ะ ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ส่งหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรม เพื่อชะลอการบังคับคดีไล่รื้อสิ่งปลูกสร้างนกรณีที่มีข้อพิพาททางที่ดินกับนายทุนนั้น ล่าสุดสถานการณ์บนเกาะปกติแล้ว ขณะที่ทางครอบครัวพระอ๊ะ ได้รับหนังสือจากสำนักงานอุทยานแห่งชาติตะรุเตาแจ้งมาด้วยว่า บ้านและสิ่งปลูกสร้างทุกหลังของนายหัตติเริง พระอ๊ะ, นางละม้าย พระอ๊ะ และญาติๆ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนอูเส็น ไม่ได้ตั้งอยู่ในกรรมสิทธิ์ที่ดินของนายทุน ตามที่กล่าวอ้าง

“ยังไงต้องขอบคุณคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนที่ช่วยดำเนินการให้ และขอบคุณอุทยานแห่งชาติด้วยที่ช่วยเหลือเปิดเผยเอกสารสำคัญ ทำให้ครอบครัวไม่ถูกไล่รื้อ ต่อจากนี้ชาวเลคงต้องเข้มแข็งขึ้นเพราะถ้ายอมความง่ายๆจะเสียที่ดินอีก คือเราดีใจที่อุทยานระบุด้วยว่า จริงๆแล้วที่ดินที่สร้างโรงแรมใกล้ๆกับครอบครัวพวกเรา ใกล้โบสถ์คริสต์นั้น เขารุกล้ำที่ดินเกินกรรมสิทธิ์ของเขาด้วย แปลว่าเขาบุกที่ดินของชาวเลคนอื่น ถ้าอุทยานตรวจสอบซ้ำอาจจะสั่งรื้อถอนโรงแรมได้ เพราะสร้างเกินกรรมสิทธิ์ของตนเอง และเราก็เสียใจที่ครั้งหนึ่งเราเคยยอมความให้เขาขยับแนวเขตเข้ามาใกล้เราเอง ตอนนี่กลายเป็นเราต้องเดือดร้อน แต่โชคดีที่อุทยานยอมเปิดเผยเอกสารช่วย ” นางสาวฉัตรพร กล่าว

นางสาวฉัตรพร กล่าวด้วยว่า ตามเอกสารที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติส่งมา ระบุว่าที่ดิน นส.3แปลง14 เป็นของตระกูลสมานุการ ซึ่งเดิมทีนายทุนกลุ่มนี้เคยมีการไล่รื้อชาวเล และฟ้องดำเนินคดีกับชาวเลหลายรายที่พยายามประกอบกิจการบ้านพักหน้าหาดบนเกาะหลีเป๊ะ แต่ต่อมานายทุนได้ถอนฟ้อง ชาวเลบางส่วนจึงดำเนินกิจการได้ ซึ่งรีสอร์ทและที่พักภายใต้การดำเนินการของชาวเลบนเกาะ บนชุมชนอูเส็น คือ ซานอม บีช ซันไรส์ โกโก บีช และ จิ๊บซี

ด้านนายหัตติเริง หาญทะเล กล่าวว่า ตนจะถือบทเรียนนี้เป็นเรื่องสำคัญ และจะปกป้องแผ่นดินชาวเลให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ ที่ผ่านมาถือว่าประมาท และต่อไปต้องตั้งรับ ระวังเรื่องนายหน้าค้าที่ดินให้มากๆ โดยหลังจากคดีความสิ้นสุด หากตนและครอบครัวไม่ถูกละเมิดสิทธิอีก ก็จะตั้งใจพัฒนาชุมชนต่อไป

นายนิวัฒน์ ลีกัง ชาวเลผู้ประกอบการที่พัก เกาะหลีเป๊ะ กล่าวว่า การรุกคืบของทุน บนเกาะหลีเป๊ะส่วนมากเป็นทุนภายนอก การเข้ามาของทุนใหญ่จะเข้ามาโดยใช้เล่ห์เหลี่ยมในการไกล่เกลี่ยและมักจะหลอกชาวเลว่า ที่ดินของชาวเลตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ หากไม่อยากมีปัญหาให้รีบขาย กระบวนการยึดที่ดินจึงซับซ้อน ดังนั้นชาวเลต้องรู้ทัน และพยายามแก้ปัญหา
/////////////