นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน เจ้าหน้าที่ภาคสังคมและชาวบ้านกว่า 300 คน ได้ออกมารวมตัวเดินประท้วง หลังเกิดเหตุการณ์ทหารพม่าได้ฆ่าสังหารชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ 2 ราย ในเมืองเย ทางใต้ของรัฐฉาน เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านในเมืองเย จนตัดสินใจออกมาประท้วง ยืนยันจะเอาเรื่องผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของวันที่ 8 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา โดยทหารพม่าจากกองพันที่ 280 ซึ่งประจำอยู่ในพื้นที่ ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ชาวบ้านจากหมู่บ้าน มักยี เชาวา เมืองเย โดยผู้เสียชีวิตทั้งสองรายเป็นชาวประมงคือ นายไนโม วัย 40 ปี และนายไนชิต วัย 23 ปี ระหว่างที่ทั้งสองกำลังจะออกจากบ้านไปหาปลา โดยมีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ มีรายงานว่า มีทหารพม่า 3 ราย เป็นผู้สังหารชาวบ้านและเกี่ยวข้องกับคดีนี้ โดยยังพบบาดแผลจากการถูกมีดแทงตามร่างกายของผู้เสียชีวิตอีกด้วย
ด้านนายโกจิมมี่ ผู้อำนวยการองค์กรสิทธิมนุษยชนและความยุติธรรม ซึ่งเข้าร่วมประท้วงด้วยเปิดเผยว่า เขาเชื่อว่า ทุกชาติพันธุ์ในประเทศมีความเสมอภาค ดังนั้นภาครัฐควรที่จะทำงานอย่างโปร่งใสเพื่อให้ความรู้กับสาธารณชน โดยได้นำเรื่องนี้รายงานต่อผู้บัญชาการทหารพม่าและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องแล้ว
นอกจากการประท้วงแล้ว ชาวมอญยังได้มีการจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อแจ้งให้สาธารณชนทราบว่า ชีวิตของประชาชนยังไม่มีความปลอดภัย และเพื่อเรียกร้องให้กองทัพพม่าออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างโปร่งใสและช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตจนกว่าจะได้รับความพึงพอใจ นอกจากนี้การแถลงข่าวยังเป็นไปเพื่อให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพม่าเข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ได้มีการเชิญหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำในพื้นที่เข้ามาร่วมฟังแถลงการณ์ด้วย แต่ไม่มีใครมาปรากฎตัวแต่อย่างใด
ด้าน สะหย่าต่อว์ ซานะก้า พระสงฆ์ในพื้นที่เปิดเผยว่า ชาวบ้านในเมืองเย ทางใต้ของรัฐมอญนั้น ยังคงต้องเผชิญกับการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและการถูกกดขี่อย่างต่อเนื่อง การออกมาประท้วงครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้โลกรู้ ระบุ ว่า สิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือ ความสงบสุขและความยุติธรรม นอกจากในรัฐมอญแล้ว ในรัฐอื่นๆ ทหารพม่ายังคงมักถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนและกดขี่ชาติพันธุ์อยู่บ่อยครั้ง ดังจะเห็นได้จากตามหน้าสื่อต่างๆ
ที่มา Mon News Agency
แปลและเรียบเรียงโดย Transborder News
