องค์การสหประชาชาติ หรือ
มีรายงานว่า เรือลำดังกล่าวได้นำผู้โดยสาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้พลัดถิ่นภายในชาวโรฮิงญาจำนวน 60 คน เดินทางจากค่ายที่พักพิง “ซิน เท็ต มอ ” ในเมืองเพาก์ทอ เดินทางไปจับจ่ายซื้อของยังตลาดในเมืองชิตต่วย เมืองหลวงของรัฐอาระกัน ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลาย 10 กิโลเมตร แต่ระหว่างทางถูกคลื่นในทะเลซัดอย่างหนัก ทำให้เรือล่มและจมลงพร้อมกับผู้โดยสาร ทั้งนี้ เมืองเพาก์ทอ นั้นล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเล และเป็นพื้นที่ชนบทห่างไกล ขณะที่การเดินทางเข้าถึงตลาดจำเป็นต้องเดินทางโดยเรือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
หลังเกิดเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีจำนวน 21 คน แต่คาดว่า ตัวเลขผู้เลขผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากยังไม่พบร่างของผู้โดยสารบางส่วน มีรายงานว่า ระหว่างที่เกิดเหตุ มีเรือประมงอยู่ใกล้กับเรือที่จมลง แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้เพราะคลื่นแรง นอกจากนี้ มีผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยว่า สามารถไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุหลังจากที่คลื่นซัดร่างของผู้โชคร้ายเข้าฝั่งเท่านั้น
นอกจากนี้ การลำเลียงนำตัวของเหยื่อที่ประสบเหตุก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะไม่มีรถพยาบาลมาช่วยเหลือ ชาวบ้านจำเป็นต้องปั่นสามล้อนำร่างของคนที่จมน้ำไปยังสถานที่รักษาพยาบาล ซึ่งใช้เวลาเดินทางถึง 2 – 3 ชั่วโมง ระหว่างทางจึงทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย
ทั้งนี้ มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญากว่า 100,000 คน ต้องถูกคุมขังอยู่ในค่าย ซึ่งตั้งอยู่ในเขตชนบทห่างไกล หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ความขัดแย้งระหว่างชาวมุสลิมโรฮิงญาและชาวพุทธยะไข่เมื่อปี 2555 ชาวโรฮิงญาทางตะวันตกของประเทศพม่า ยังคงถูกริดรอนสิทธิขั้นพื้นฐาน ทั้งการถูกจำกัดเดินทางออกนอกพื้นที่และการเข้าถึงการรักษาพยาบาลเป็นต้น
ที่มา Coconuts Yangon/AFP
แปลโดย สำนักข่าวชายขอบ Transborder News