หน่วยงาน The Livelihoods and Food Security Trust Fund (LIFT) ได้ทำการศึกษาด้านโภชนาการในพื้นที่ต่างๆ ของพม่า โดยพบว่า เด็กชาติพันธุ์อายุต่ำกว่า 5 ปี ทางตอนเหนือของประเทศอย่าง รัฐคะฉิ่น รัฐชิน และทางใต้ของรัฐฉานบางส่วน มีรูปร่างแคระแกร็นเติบโตช้ามากกว่าเด็กในพื้นที่อื่นๆของประเทศถึง 3 เท่า สาเหตุมาจากไม่สามารถเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพ ขาดความรู้เรื่องโภชนการอาหาร และมีรายได้น้อยฐานะยากจน
ทั้งนี้ จากการศึกษาประชากรจำนวน 2,400 หลังคาเรือนที่เข้าร่วมโครงการพบว่า โรคอุจจาระร่วงและแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด รวมไปถึงการไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ตลาด และการไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรอื่นๆ ทำให้เสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร โดยพบเห็นปัญหานี้ในชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามเขตชนบทห่างไกล นอกจากนี้ยังพบว่า ความยากจนก็เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ชาวบ้านเผชิญกับโรคขาดสารอาหาร โดยในพื้นที่ซึ่งเข้าร่วมโครงการพบว่า ชาวบ้านมีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 75,000 จั้ต (ประมาณ 2,200 บาท)เท่านั้น
การศึกษายังพบว่า โรคขาดสารอาหารแคระแกร็นในเด็กที่โต ยังส่งผลให้เด็กเหล่านี้เผชิญกับการเจ็บป่วยบ่อย ซึ่งมักจะส่งผลไปจนถึงระยะยาว ดังนั้นการส่งเสริมด้านโภชนาการจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึง 2 ปี เช่นเดียวกับในหญิงตั้งครรภ์ จากการศึกษาจากทั่วประเทศยังพบว่า มีเด็กเกือบ 4 ใน 10 คน ที่มีรูปร่างแคระแกร็น และประมาณ 8 % ของเด็กนั้นเผชิญกับโรคขาดสารอาหารรุนแรง จากรายงานของโครงการอาหารโลกยังพบว่า พม่าติด 1 ใน 3 ประเทศที่ประชากรขาดสารอาหารที่สุดในภูมิภาคอาเซียน
นายอูหน่ายทาง จากกรมสุขภาพประจำรัฐชินเปิดเผยว่า มีการให้ความสำคัญน้อยเกี่ยวกับโภชานาการที่เหมาะสมให้กับเด็กทารกและเด็กเล็ก โดยยอมรับว่า กรมสุขภาพของพม่าควรที่จะทำกิจกรรมเพื่อให้ความรู้ด้านโภชนาการให้มากกว่านี้ แต่ก็ประสบความยากลำบาก เนื่องจากขาดแคลนบุคลากร ยกตัวอย่างในรัฐชิน มีเจ้าหน้าที่เพียง 3 คน ที่ทำงานฝ่ายโภชนาการ จึงทำงานได้จำกัด โดยเฉพาะการให้ความรู้กับประชาชนทำได้ไม่เต็มที่ และทำให้ไม่เกิดผลประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาการขาดสารอาหาร นอกจากนี้ นายอูหน่ายทาง ยังให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงด้านสาธารณสุขของพม่ามุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องวัคซีนมากกว่าปัญหาการขาดแคลนสารอาหาร
ที่มา Myanmar Times
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ