เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ที่เรือนจำจังหวัดสกลนคร นางสมัย กลางรัก อายุ 71 ปี ชาวบ้านหมู่บ้านจัดระเบียบ ตำบลหลุบเลา อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร เปิดเผยภายหลังตนพร้อมชาวบ้านในกลุ่มเครือข่ายไทบ้านไร้สิทธิจังหวัดสกลนคร เดินทางเข้าเยี่ยมสามี คือ นายสำราญ กลางรัก อายุ 74 ปี ซึ่งถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติแห่งชาติดงกระเฌอ – ดงชมพูพาน ซึ่งศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2559 โดยตนได้นำอาหารและนำเงินมาฝากให้สามี และใช้เวลาพูดคุยกันเรื่องทั่วๆไป และขอให้นายสำราญวางใจและพักผ่อนให้เพียงพอเนื่องจากช่วงที่ผ่านมานายสำราญป่วยผิดปกติในระบบกล้ามเนื้อและแพทย์วินิจฉัยว่าเข้าข่ายป่วยสมองตีบ ทำให้สามีสุขภาพแย่ ตนและเพื่อนบ้านจึงต้องเข้ามาเยี่ยมบ่อยๆ
นางสมัย กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีนายสำราญนั้น ศาลชั้นต้นเคยสั่งจำคุก4ปีแต่ตนและครอบครัว พร้อมเครือข่ายฯ ยื่นเรื่องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงลดโทษเหลือ 3 ปี 6 เดือน โดยในระหว่างที่สามีถูกจองจำในคุกตนจะเป็นเสาหลักในการทำนา ส่วนลูก2คนไปรับจ้างทำงานที่ต่างจังหวัด เพื่อหาทุนมาทำเกษตรในหมู่บ้าน ซึ่งเดิมลูกส่งเงินเก็บทั้งหมดมาลงทุนทำสวนยาง แต่ว่าถูกเจ้าหน้าที่บุกทวงคืน ไร่ยางก่อนในปี 2557 ทำให้สวนเนื้อที่ 54 ไร่ไม่สามารถเข้าทำประโยชน์ได้ วันนี้เงินที่ลงทุนไปจึงเสียเปล่า ซึ่งตนกับลูกก็จำเป็นต้องทำนาเพื่อให้พออยู่พอกินต่อไป แต่ก็กลัวและห่วงว่าสามีจะป่วยหนักกว่าเดิม ขณะนี้ยอมรับว่าเครียดมากกับการที่สามีต้องถูกจำคุก
“ถ้ามีคนขับรถมาให้ ยายก็มาแม้จะต้องจ้างเขาถึงครั้งละ 500 บาทก็ตาม แต่ถ้ามาหลายๆ คน ยายเติมน้ำมันให้เพื่อนบ้าน เขาก็พายายมา เพราะรถนั้นมีแค่ตาเป็นคนขับ ยายขับไม่เป็น ตอนนี้พยายามมาหาเขาบ่อยๆ แต่มาไม่ได้ทุกวันเพราะมีงานต้องทำ ก่อนตาโดนขังเขาไปไถนาไว้ให้ยาย แล้วยายก็ต้องทำคนเดียวไป วันนี้เอาเงินมาฝากให้เขาใช้ 2,000 บาท เขาบอกว่าเขาไม่อยากได้ แต่เราก็ให้ เรากลัวเขาอด คือหลังจากนี้ยายต้องอยู่ให้ได้ เขาก็ต้องทนให้ได้ เพราะเราไม่มีสิทธิ์เถียงศาลแล้ว เราเลยย้ำว่าให้ตาดูแลตัวเอง ถ้าป่วยก็บอกทางคนดูแลคุกว่าป่วย อย่าเก็บอาการไว้เพราะตาแก่แล้ว” นางสมัยกล่าว
ด้านนางสาวจันทร โพธิ์จันทร์ ตัวแทนเครือข่ายไทบ้านผู้ไร้สิทธิสกลนคร กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าคดีความกรณีคดีบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติของสมาชิกในเครือข่ายนั้นมีทั้งหมด 34 ราย ศาลพิพากษาเสร็จสิ้นหมดแล้วมีสั่งจำคุก 5 ราย อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ 4 ราย และอยู่ระหว่างรอลงอาญา 2-3 ปี จำนวน 25 ราย
อนึ่ง ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับที่มาของการสั่งจำคุกนายสำราญ กลางรัก นั้น เมื่อปี 2558 ศาลชั้นต้นได้เคยสั่งจำคุกแล้วหนึ่งครั้ง แต่ทางเครือข่ายก็ประกันตัวทำให้นายสำราญได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวและเดินหน้าอุทธรณ์คดีความ กระทั่งศาลอุทธรณ์มีมติยืนตามศาลชั้นต้น จึงต้องถูกจำคุกอีกครั้ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมข่าวที่ผ่านมาได้ที่ https://transbordernews.in.th/home/?p=9961
———–
