ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องทางเหนือของประเทศพม่า โดยเฉพาะที่เมือง “ชิมวี” ในรัฐคะฉิ่น เป็นเหตุให้ถนนและสะพานได้รับความเสียหายและถูกตัดขาดจากโลกภายนอกจากเหตุดินถล่ม โดยทางการไม่สามารถลำเลียงสิ่งของเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ได้ ขณะที่ประชาชนในพื้นที่กว่า 2,000 คน เสี่ยงเผชิญขาดแคลนอาหารอย่างหนัก
นายอูซอโซนไต่ ส.ส. เมืองชิมวี สังกัดพรรค USDP ออกมาเปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักเป็นเหตุให้บ้านเรือน 114 หลังได้รับความเสียหายอย่างหนัก ขณะที่บ้านเรือนอีก 409 หลังถูกตัดขาดจากโลกภายนอก โดยตัวเลขประชาชนมีทั้งสิ้น 2,554 คน กำลังจะเผชิญกับการขาดแคลนอาหารภายในสิ้นเดือนมิถุนายน นี้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือ ทั้งนี้ เฮลิคอปเตอร์ของทหารได้ลำเลียงอาหารเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับจำนวนประชาชนในพื้นที่ ขณะที่ชาวบ้านยังไม่สามารถเพาะปลูกได้ เนื่องจากฝนที่ตกหนักไม่หยุด โดยคาดว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายต่อไปอีก เนื่องจากยังคงมีพายุและฝนต่อเนื่อง
ส่วนอีกในพื้นที่หนึ่งอย่างที่เมือง "ก่องหล่ะพู" มีรายงานว่า ชาวบ้านกว่า 3,600 คน ได้เผชิญกับภาวะอดอยากขาดแคนอาหารแล้ว โดยชาวบ้านต้องหาพืชที่มีหัวและลำต้นใต้ดิน หรือหาหน่อไม้มาประกอบอาหารประทังชีวิต ด้านหน่วยงานบรรเทาทุกข์พยายามเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่แต่ก็เป็นไปอย่างยากลำบากเช่นเดียวกัน เนื่องจากถนนเส้นเดียวที่เชื่อมต่อไปในพื้นที่ถูกดินถล่มเสียหาย ขณะที่ทางรัฐบาลกำลังเร่งหาทางเข้าไปในพื้นที่เพื่อนำอาหารและสิ่งของจำเป็นไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน โดยรัฐบาลอาจขอความช่วยเหลือจากจีนที่มีชายแดนติดกัน ในการนำสิ่งของไปช่วยเหลือ หากสามารถทำได้ง่ายกว่าการเดินทางจากในพม่า มีรายงานว่า ในบางพื้นที่อาจใช้เวลา 10 วันในการเดินเท้าเข้าไปถึง โดยขณะนี้สิ่งของช่วยเหลือส่วนใหญ่ยังติดค้างอยู่ที่เมืองปูเตา
เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ค่ายผู้ลี้ภัยสงครามทางเหนือของรัฐคะฉิ่น 11 แห่ง ก็เผชิญกับพายุฝนอย่างหนักเช่นเดียวกัน เป็นเหตุให้ที่พักพิงผู้ลี้ภัยกว่า 550 หลังก็ได้รับความเสียหาย โดยหากย้อนไปเมื่อเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมของปีที่แล้ว เหตุน้ำท่วมหนักในพม่าทำให้ประชาชนราว 1.6 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย บ้านเรือนกว่า 476,00 หลังคาเรือนจากทั่วประเทศก็ได้รับความเสียหาย เช่นเดียวกับพื้นที่เพราะปลูกที่ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งได้สร้างความกังวลว่า ในปีนี้ประชาชนในพม่าอาจเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร และพืชผลที่ผลิตออกมาได้จะไม่มีคุณภาพ
ที่มา Myanmar Times
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ