เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 นางสาว ส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน เปิดเผยว่าในเช้าวันเดียวกันนี้ศาลจังหวัดเลย ได้อ่านพิพากษาคดีที่บริษัททุ่งคำ จำกัด ฟ้องนายสมัย ภักดิ์มี ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)เขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย และนายกองลัย ภักมี ผู้ใหญ่บ้านบ้านนาหนองบง หมู่ 3 ในข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเกี่ยวกับการก่อสร้างซุ้มประตูและติดป้าย “หมู่บ้านนี้ไม่เอาเหมือง” โดยศาลอุทธรณ์ได้ยืนตามศาลชั้นต้นคือยกฟ้อง
นางสาวส.รัตนมณีกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีอีก 1 คดีคือกรณีที่อัยการเป็นโจทย์ และนายสุรพันธ์ รุจิไชยกับพวกรวม 9 เป็นโจทย์ร่วม ยื่นฟ้องพันโทปรมินทร์ ป้อมนาคและพลโทปรเมษฐ์ ป้อมนาค เป็นจำเลยในความผิดอาญาข้อหาทำร้ายร่างกาย กักขัง หน่วงเหนี่ยว ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 เวลาประมาณ 22.00 น. ได้มีชายชุดดำติดอาวุธประมาณ 100 คนเข้ามาในพื้นที่บ้านนาหนองบง และได้ทำการปิดล้อมตามจุดตรวจชุมชนและจับควบคุมตัวชาวบ้านที่อยู่ประจำจุดตรวจจำนวน 20 คนเอาไว้ ในจำนวนนี้รวมนายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ และนายสมัย ภักมี ซึ่งเป็นแกนนำชาวบ้านกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดอยู่ด้วย ขณะนั้นก็ได้มีเสียงปีนดังอยู่ในพื้นที่เป็นระยะๆ และได้มีการทำลายกำแพงซึ่งชาวบ้านได้ร่วมกันก่อสร้างขึ้นตามระเบียบชุมชนว่าด้วยการห้ามรถบรรทุกสารเคมีอันตรายใช้เส้นทางร่วมกับชุมชน ขณะเดียวกันได้มีการเปิดเส้นทางเพื่อให้รถบรรทุกขนแร่วิ่งผ่าน
นางสาวส.รัตนมณีกล่าวว่า ศาลเห็นว่าชายฉกรรจ์ที่เข้ามาในพื้นที่เพื่อต้องการให้บริษัทเข้ามาขนแร่ ทำให้จำเลยทั้งสองลงมือดำเนินการ โดยก่อนหน้านั้นได้มีการเดินทางไปพบชาวบ้านก่อนเพื่อขอขนแร่ แต่ชาวบ้านบอกว่าไม่เกี่ยวกัน ดังนั้นในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 จึงมีการนำกองกำลังเข้าไปยังหมู่บ้าน โดยมีพยานยืนยันว่าพันโทปรมินทร์อยู่ในที่เกิดเหตุขณะนั้นและมีการทำร้ายชาวบ้าน ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลนำสืบว่าได้มีการสั่งการโดยเจ้าตัวยอมรับว่าได้เดินทางมาจริงแต่ถูกหลอกมา
นางสาวส.รัตมณีกล่าวว่า ศาลชั้นต้นจึงได้พิพากษาลงโทษพันโทปรมินทร์ 2 กระทงคือ 1.หน่วงเหนี่ยวกักขังและทำร้ายร่างกาย มีโทษจำคุก 2 ปี 2.มีอาวุธไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 12 เดือน นอกจากนี้ศาลยังสังให้จำเลย้จ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ชาวบ้านซึ่งเป็นโจทก์ทั้ง 9 ราย รวมทั้งหมด 165,600 บาท ภายใน 15 วัน ส่วนพลโทปรเมศฐ์ ได้ให้การที่เป็นประโยชน์ จึงลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 1 ปี และ 12 เดือน
ทั้งนี้บรรยากาศที่ศาลจังหวัดเลย เป็นไปอย่างคึกคักโดยนอกจากชาวบ้านกว่า 100 คนที่มาร่วมให้กำลังใจกันแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทั้งทหารและตำรวจนับร้อยคนมาคอยดูแลความสงบเรียบร้อยด้วย
————
Chat Conversation End