เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2559 นางหนูเดือน แก้วบัวขาว ชาวตำบลหนองกินเพล อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ครอบครัวของตนยื่นหนังสือร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อร้องเรียนให้ กสม.ช่วยตรวจสอบกรณีที่กรมที่ดินยังเพิกเฉยต่อคำสั่งศาลปกครองที่ให้เพิกถอนโฉนดของนายทุนที่ออกทับที่ดินของครอบครัวและออกโดยไม่ชอบธรรม รวมทั้งเรียกร้องขอความเป็นธรรมเรื่องการออกเอกสารสิทธิทับที่ดินชาวบ้านในตำบลบุ่งหวายและตำบลหนองกินเพล โดยอดีตนักการเมืองท้องถิ่นแล้วนั้น ล่าสุดครอบครัวตนได้รับหนังสือเชิญจากสำนักงานที่ดินวารินชำราบ เพื่อให้นายวิทยาแก้วบัวขาว ผู้เป็นสามีไปให้ปากคำเพิ่มและชี้แจงว่าแปลงใดบ้างที่ถูกออกเอกสารสิทธิ์ทับ โดยตนและนายวิทยา จะนำหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งถ้อยคำที่ศาลได้มีคำพิพากษาชี้ชัดว่า เอกสารสิทธิ์ที่นายทุน อดีตนักการเมืองท้องถิ่นออกนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อชี้แจงต่อสำนักงานที่ดินภายในวันที่ 3 มิถุนายนนี้
นางหนูเดือน กล่าวว่า เรื่องขั้นตอนเกี่ยวกับการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ตนและสามีจะไปปรึกษาพนักงานบังคับคดี ของศาลปกครอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ยืนยันว่ากระบวนการที่กรมที่ดินทำนั้นถูกต้องหรือไม่ หรือแค่การยื้อเวลาเท่านั้น เพราะตอนนี้จะครบ1ปี ของคำสั่งศาลแล้ว
“เราเองมีความหวังมากนะ ว่าจะได้ที่ดินคืนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาเราโดนกฎหมายเล่นงานหลายครั้งแล้ว ทั้งที่เราไม่ผิด เราจะยังไม่ฟ้องศาลฐานกรมที่ดินละเลยหน้าที่นะ แต่จะปรึกษาดูก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงขั้นตอนต่อไป ถ้าเราได้ที่ดินคืนมา ชาวบ้านคนอื่นๆ เขารอจะเดินตามอยู่เพราะรายอื่นเขาก็ถูกรุกรานพอกัน และคดีอยู่ในชั้นศาลก็มากมาย ตอนนี้เราก็เร่งช่วยกันต่อสู้อยู่ โดยจะเสนอทางจังหวัดประชุมทำการรังวัดให้ชาวบ้านจำนวน 6 รายเพื่อตรวจสอบการออกโฉนดทับซ้อน ค่อยๆ ทยอยทำทีละส่วนๆ ที่ดินนับหมื่นไร่ที่ถูกโกงจะได้กลับคืนสู่พี่น้อง” นางหนูเดือน กล่าว
ขณะที่นางทองสา มาเลิศ ชาวตำบลบุ่งหวาย กล่าวว่า กรณีปัญหาที่ดินของตนที่ถูกนายทุนประกาศขายนั้น จะมีการประกาศขายเพื่อประเมินราคาที่ดินครั้งสุดท้าย (ครั้งที่5 ) ในวันที่ 19 มิถุนายน นี้ โดยชาวบ้านจะเดินหน้าคัดค้านต่อไป เนื่องจากที่ดินที่เอกชนประกาศขายเป็นที่ดินที่ไม่บริสุทธิ์และชาวบ้านในพื้นที่ต้องสูญเสียมรดกที่ดินโดยไม่ชอบธรรม ทั้งนี้ตนยืนยันว่าชาวบ้านหนองกินเพล และบุ่งหวายต้องได้รับความยุติธรรมกลับคืนมาและต้องมีที่ดินอยู่อาศัยและทำกินอย่างมั่นคง ซึ่งหากมีกระบวนการตรวจสอบที่เป็นธรรมชาวบ้านจะไม่เดือดร้อนขนาดนี้
“ คิดว่าคงไม่มีใครกล้าซื้อ เรามาประท้วงทุกครั้งเลยที่หน้าสำนักงานบังคับคดี คือใครก็ตามที่มาซื้อ ยายขอร้องว่าอย่าซื้อถ้ามีการประกาศขายที่ดินย่านนี้ บอกเลยว่ามันโกงเราไปทั้งนั้น ไว้ใจไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคุณมาซื้อเท่ากับสนับสนุนความไม่ชอบธรรม มันนานมากแล้วที่เราอยู่กับกลโกงแบบนี้ ยายเชื่อว่าถ้าหนูเดือนกับยายได้รับความยุติธรรม ชาวบ้านที่เหลือก็จะต้องได้รับด้วย”นางทองสา กล่าว
////////////////////////////////////////