
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2559 เพจเฟซบุ๊กของกลุ่มสิ่งแวดล้อมในกัมพูชา Mother Nature ได้ออกแถลงการณ์กรณีสถานการณ์ของจระเข้ในลุ่มน้ำอาเร็ง ภาคตะวันตกของกัมพูชา ซึ่งอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งยวด โดยระบุว่า ชาวบ้านชาติพันธุ์ชองได้เรียกร้องให้แก้ปัญหาที่องค์กรอนุรักษ์ Fauna and Flora International (FFI) และกรมป่าไม้ของกัมพูชา ได้เคยมาวางกับดักจระเข้ในแม่น้ำอาเร็ง ตั้งแต่ช่วงปี 2556 ที่มีการเสนอสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำอาเร็ง เพื่อย้ายจระเข้เหล่านี้ออกจากพื้นที่ที่จะถูกน้ำท่วม แต่ต่อมาได้มีการยกเลิกโครงการเขื่อน แต่กลับไม่มีการรื้อกับดักออก ทำให้ชาวบ้านไม่ได้พบจระเข้ในป่ามาแล้ว 3 ปี

กลุ่มสิ่งแวดล้อมเขมรระบุว่า ที่ผ่านมาเมื่อมีการยกเลิกโครงการสร้างเขื่อน และเจ้าหน้าที่ได้ออกจากพื้นที่ ชาวบ้านก็ได้รื้อกับดักจระเข้ที่ติดตั้งไว้ตามแม่น้ำและในป่าออก เพื่อป้องกันไม่ให้จระเข้มาติดกับดัก แต่คาดว่าไม่สามารถรื้ออกได้ทั้งหมด เนื่องจากไม่รู้ว่าคณะเจ้าหน้าที่นำกับดักมาติดไว้ที่ใดบ้าง แต่เมื่อปี 2556 ที่ชาวบ้านมีการจัดพิธีของหมู่บ้านที่แม่น้ำ กลับมีการพบหัวกะโหลกจระเข้ ติดอยู่ในแร้วที่วางไว้หน้ารังของจระเข้ และเป็นแร้วชนิดเดียวกับที่คณะสำรวจใช้ และต่อมาได้พบซากจระเข้อีกตัวลอยขึ้นอืดตายในแม่น้ำ โดยชาวบ้านคาดว่าทั้งสองตัวจะเป็นจระเข้ตัวผู้และตัวเมียที่เคยพบมาก่อนหน้านั้น
โครงการเขื่อนกั้นแม่น้ำอาเร็ง มีการเสนอที่จะก่อสร้างเขื่อนโดยบริษัทจากประเทศจีน แต่มีการคัดค้านกันอย่างกว้างขวางในกัมพูชา เนื่องจากจะสร้างผลกระทบต่อผืนป่าตะวันตกของกัมพูชา ซึ่งเป็นผืนป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์และเชื่อมมายังจังหวัดเกาะกง และภาคตะวันออกของไทยที่ชายแดนจังหวัดตราด เป็นแหล่งพันธุ์พืชและสัตว์ที่หายากหลายชนิด รวมทั้งจระเข้พันธุ์ไทย Siamese Crocodile