ชาวคะฉิ่นนับพันในเมืองมิตจีนา เมืองหลวงรัฐคะฉิ่น ทางเหนือสุดของประเทศได้ออกมาเดินประท้วงต่อเหตุการณ์ที่ทหารพม่ายิงปืนใส่นักศึกษาวัย 18 ปี จากมหาวิทยาลัยมิตจีนาเสียชีวิตเมื่อเย็นวันจันทร์ (22 มิถุนายน)ที่ผ่านมา ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมของพม่าออกมาแถลงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ผิดพลาด
นายกัมแซงอ่อง วัย 18 ปี ถูกทหารพม่ายิงเสียชีวิตเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ทางรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของพม่าออกมาแถลงผ่านกระบอกเสียงของรัฐอย่าง หนังสือพิมพ์ The Global Light of Myanmar ว่า เกิดจากความผิดพลาด โดยอ้างว่า เจ้าหน้าที่ทหารพม่า 2 นาย ได้รักษาความปลอดภัยที่สะพาน “บะหล่า มินติ่น” ในเมืองมิตจีนา ระหว่างนั้นได้รับแจ้งจากหญิงสาวจำนวน 4 คนว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นชายคุกคามและไม่กล้ากลับบ้าน จึงขอให้ทหารพาไปส่งที่บ้าน แต่ระหว่างทางพบกับกลุ่มวัยรุ่น 8 คน ทำให้มีปากเสียงและทะเลาะกับทหารทั้ง 2 นาย รวมทั้งกลุ่มวัยรุ่นพยายามแย่งอาวุธปืนจากทหาร จนทำให้เกิดเหตุการณ์ทหารยิงวัยรุ่นชายคนดังกล่าวเสียชีวิต โดยทางรัฐมนตรีกลาโหมพม่ายังเปิดเผยว่า ทหารทั้ง 2 นายก็ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์วิวาท แต่รับปากจะดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีตามระเบียบ
ขณะที่ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า พวกเขายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เนื่องจากเพื่อนของผู้ตายได้เล่าเหตุการณ์ที่ต่างออกไปจากการเปิดเผยของทหารพม่า พร้อนกันนี้เปิดเผยว่า ผู้ตายถูกยิงจากด้านหลังในระยะประชั้นชิด โดยพบว่าตามร่างกายของนายกัมแซงอ่อง มีรอยกระสุนจำนวน 3 นัด นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า นายกัมแซงอ่องเดินทางไปกับเพื่อนอีก 3 คน ไม่ใช่ 8 คน ตามที่ทหารพม่ากล่าวอ้าง
โดยหลังเกิดเหตุ ทางญาติของผู้เสียชีวิตเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนและให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิต แต่ก็ระบุว่า ไม่คาดหวังมาก ว่าจะได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่กีดกันไม่ให้ทางครอบครัวและญาติเจอร่างผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในคืนที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวคะฉิ่น และนำไปสู่การออกมาเดินประท้วงบนท้องถนนตั้งแต่ในวันอังคารที่ผ่านมา มีรายงานว่า มีการนำร่างของผู้เสียชีวิตแห่ระหว่างทางจากโรงพยาบาลและบ้านของผู้ตาย ชาวคะฉิ่นบางส่วนได้ถือป้ายที่มีข้อความว่า “หยุดสังหารนักศึกษา หยุดสังหารพลเรือนที่ไม่มีอาวุธ” ขณะที่พิธีฝังศพของนักศึกษาที่เสียชีวิตจะจัดขึ้นในวันนี้ (23 มิถุนายน) คาดว่าจะมีประชาชจำนวนมากเข้าร่วมพิธีฝังศพ
ที่มา Irrawaddy/DVB/Eleven Media
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ