การเดินทางเยือนประเทศไทยของนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเมียนม่าครั้งนี้ ได้ปรากฏภาพกลุ่มผู้ใช้แรงงานจากประเทศเมียนมาในประเทศไทยจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครรอต้อนรับและเสนอข้อเรียกร้องต่าง ๆ แม้จะผิดหวังจากมาตรการรักษาความปลอดภัยอันเข้มของทางการไทย แต่การมาครั้งนี้ก็สร้างความหวังและปิติใจได้พอสมควร
ขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งที่รอคอยการมาเยือน และต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากนางซูจี เช่นกันคือ กลุ่มผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้หนีภัยการสู้รบตามชายแดนตะวันตกของประเทศไทย ซึ่งแผนเดิมในการมาเยือนนั้น นางซูจีจะเข้าไปเยี่ยมดูผู้ลี้ภัยในค่ายถ้ำหิน อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีด้วย แต่แผนการเยือนครั้งนี้ถูกยกเลิกไป เนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการรักษาความปลอดภัย หรือเหตุผลใดก็ตาม ทีมงานสื่อชายขอบ งขอสัมภาษณ์นายแบ่ว เซ เลขาธิการสำนักงานใหญ่คณะกรรมการผู้ลี้ภัยกะเหรี่ยง (KRC) เกี่ยวกับข้อเสนอของตัวแทนผู้ลี้ภัยในประเทศไทยหากได้พบกับนางซูจี
นายแบ่ว เซ ซึ่งเดินทางไปรอนางซูจีที่ถ้ำหินเก้อ บอกว่า การยกเลิกแผนเดินทางเยือนค่ายผู้ลี้ภัยของนาง เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะสภาพอากาศช่วงนี้ หากเกิดน้ำป่าไหลหลากจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อเจ้าหน้าที่ที่ต้องดูแลความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามตัวแทนของเรายังรอให้การต้อนรับ และเข้าพบหากมีการเปลี่ยนแผน และเข้าใจว่าการมาเยือนครั้งนี้มีเป้าหมายหลักอย่างอื่น เช่น ประเด็นเรื่องแรงงานเมียนมาในประเทศไทย
สำหรับกระแสข่าวที่ระบุว่าเริ่มมีการดำเนินการส่งกลับผู้ลี้ภัยช่วงกลางปี 2560 นั้น นายแบ่ว เซ กล่าวว่า ทาง KRC ยังไม่ได้รับรายละเอียดใด ๆ จากทั้งรัฐบาลไทยหรือเมียนมา แต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทาง KRC ได้เดินทางไปพบกับคณะรัฐบาลแห่งรัฐกะเหรี่ยง ที่มีนางขิ่น ทวิน มยิต เป็นรัฐมนตรีประจำรัฐ และเป็นหัวหน้าพรรค NLD ประจำรัฐกะเหรี่ยง เมื่อทาง KRC ถามถึงนโยบาย รวมถึงแผนการรองรับผู้ลี้ภัยกลับ คณะรัฐมนตรีแห่งรัฐกะเหรี่ยงแจ้งว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนหรือนโยบายใด ๆ เกี่ยวกับผู้ลี้ภัย ส่วนทาง UNHCR ได้เข้าพบกับคณะรัฐบาลแห่งรัฐกะเหรี่ยง 2 ครั้งแล้วเพื่อพูดคุยเรื่องเหล่านี้ การเข้าพบคณะรัฐมนตรีแห่งรัฐกะเหรี่ยงครั้งนั้น KRC จึงได้ทำหนังสือถึงรัฐบาลกลางเมียนมา โดยเนื้อหาสำคัญ คือ ในแผนการดำเนินการรับ-ส่งกลับผู้ลี้ภัยนั้น ขอให้พิจารณา KRC เป็นหนึ่งองค์กรในคณะทำงาน และขอความชัดเจนเกี่ยวกับแผนการดำเนินการเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย ซึ่งรัฐบาลรัฐกะเหรี่ยงไดับเรื่องไว้ และแจ้งว่าจะนำหนังสือข้อเสนอของ KRC ยื่นต่อรัฐบาลกลางเมียนมา ผ่านรัฐมนตรีกระทรวงชาติพันธุ์
เลขาธิการ KRC กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ช่วงวันที่ 12 พฤษภาคม 2559 นายอู จ่อ ปยิ หัวหน้าฝ่ายการศึกษา โครงการปันน้ำใจของรัฐบาลกลางเมียนมา พร้อมนายอำเภอเมืองเมียวดี เดินทางมาเยี่ยมโรงเรียนลูกหลานแรงงานข้ามชาติในอำเภอแม่สอด และครั้งนั้น KRC ได้พาลงพื้นที่ดูกระบวนการจัดการศึกษาในพื้นที่ค่ายผู้ลี้ภัยบ้านแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตากด้วย ซึ่งการลงพื้นที่เยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยโดยตัวแทนรัฐบาลกลางเช่นนี้ถือเป็นเรื่องดี
ทั้งนี้ KRC ได้เดินทางไปรอนางซูจีที่ค่ายถ้ำหิน เพื่อต้องการเปิดโอกาสให้ตัวแทนองค์กรที่ทำงานกับผู้ลี้ภัย รวมถึงผู้ลี้ภัยในค่ายเข้าพบรวม 300 คน ซึ่งทุกฝ่ายก็เตรียมประเด็นคำถามของตัวเอง สำหรับ KRC มีสองประเด็นหลัก คือ ต้องการให้รัฐบาลพม่าชี้แจงความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายรับผู้ลี้ภัยกลับ หากยังไม่มีจะดำเนินการอย่างไรต่อ ส่วนอีกประเด็นคือ ผู้ลี้ภัยบางส่วนได้แจ้งความประสงค์ที่จะกลับไปยังพื้นที่ที่เขาจากมา แต่รัฐบาลมีแผนหรือสามารถให้การสนับสนุนปัจจัยพื้นฐานในการกลับไปเริ่มต้นชีวิตของผู้ลี้ภัยในระยะแรกได้หรือไม่ ซึ่งทาง KRC และผู้ลี้ภัยต้องการความชัดเจนเรื่องเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ทางสหภาพกะเหรี่ยง KNU ซึ่งดูแลพื้นที่ที่ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ จะประสานงานกันเพื่อช่วยดูเรื่องความปลอดภัยภัยของผู้ลี้ภัยก็เป็นส่วนที่จำเป็นและสำคัญเช่นกัน ในความเห็นส่วนตัวของนายแบ่ง เซ เลขาธิการ KRC นั้นมองว่า ขณะนี้มีการลงนามหยุดยิงทั่วประเทศกับกองกำลังชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในเมียนมาแล้ว ส่วนตัวเห็นว่า กระทรวง หรือฝ่ายต่าง ๆ ของรัฐบาลกลางเมียนมาที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องผู้ลี้ภัย หากมีการเดินทางมาเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยบ่อย ๆ และพูดคุยสร้างความเข้าใจ เตรียมการร่วมกับตัวแทนผู้ลี้ภัย ซึ่งกระบวนการนี้เป็นเรื่องที่ดีก่อนที่จะมีการส่งผู้ลี้ภัยกลับไปยังประเทศต้นทางจริง ๆ
///////////////////