
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิมเกิดขึ้นอีก ในหมูบ้าน”ตะเยตะหมิ่น” พื้นที่ชนบทในเขตพะโค ห่างจากย่างกุ้งไปประมาณ 2 ชั่วโมง จนเป็นเหตุให้ชาวพุทธส่วนหนึ่งออกมาทำลายสุเหร่าในพื้นที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่มีข่าวลือออกมาด้วยว่า ชาวพุทธจะทำร้ายชาวบ้านที่เป็นชาวมุสลิม จึงทำให้นชาวมุสลิมต้องไปอาศัยอยู่ที่สถานีตำรวจ โดยเหตุการณ์ในพื้นที่ทั่วไปพบว่ายังเปราะบาง สามารถเกิดเหตุความไม่สงบได้ทุกเมื่อ
มีรายงานว่า ต้นตอความขัดแย้งมากจากเพื่อนบ้านชาวมุสลิมและชาวพุทธมีปากเสียงกันเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงเรียนสอนศาสนาของอิสลาม จนลุกลามบานปลายทำให้เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งทางศาสนาเกิดขึ้น และชาวพุทธจำนวน 200 คน ใช้วิธีความรุนแรงโดยการเข้าไปทำลายสุเหร่าและบ้านเรือนของชาวมุสลิมใกล้เคียงในพื้นที่ รวมถึงรั้วของสุสานของชาวมุสลิม หลังเกิดเหตุยังมีข่าวลือออกมาว่า ทางชาวพุทธจะโจมตีชาวมุสลิมอีก จึงทำให้ชาวบ้านที่เป็นชาวมุสลิมที่เป็นผู้หญิงและเด็กจำนวน 70 คน ตัดสินไปนอนที่สถานีตำรวจเมื่อคืนวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ (23 – 24 มิถุนายน)ที่ผ่านมา
“เกิดข่าวลือว่า กลุ่มคนจะมาอีก ดังนั้นเราจึงไม่กล้าอาศัยอยู่ที่บ้าน ดังนั้นจึงมาอาศัยอยู่ที่สถานีตำรวจ เหตุการณ์ตอนนี้ไม่สงบ” ชายมุสลิมรายหนึ่งเปิดเผยกับสื่อ อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า ยังไม่ได้เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรง เพียงแต่เกิดข่าวลือและทำให้ชาวมุสลิมเกิดความกลัว แต่ยอมรับว่า สุเหร่าถูกทำลายจริง โดยเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนต่อไป อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครถูกจับตัวจากเหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่ระบุ ขณะที่ชาวมุสลิมรายงานว่า ถูกข่มขู่ถึงขั้นเอาชีวิตจึงไม่กล้าอาศัยอยู่ที่บ้านของตน
หมู่บ้านตะเยตะหมิ่นเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในเขตชนบท ของเขตพะโค มีประชาชนทั้งสิ้น 1,500 หลังคาเรือน โดยเป็นชาวมุสลิมประมาณ 250 คน ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีก่อนได้เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งทางศาสนาอย่างรุนแรงในรัฐอาระกัน ทางตะวันตกของประเทศ จนทำให้มีผู้คนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และบ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกันถูกเผาทำลายเสียหาย และยังเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำอีกครั้งในเมืองเมกถิลา ทางภาคกลางของประเทศ ประเด็นเรื่องศาสนายังเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและเปราะบางในพม่า ที่พร้อมจะเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งได้ทุกเมื่อ ขณะที่นางซูจีถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากชาติตะวันตก ที่ไม่ยอมแสดงท่าทีใด ๆ ต่อประเด็นเรื่องชาวโรฮิงญา
ที่มา Irrawaddy/Mizzima
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ