เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 นางสายใจ หาญทะเล ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เปิดเผยว่า วันนี้ชาวเลกว่า 20 คนเดินทางไปยังสถานีตำรวจเกาะหลีเป๊ะ เพื่อรอให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม หลังเมื่อคืนวันที่ 10 กรกฎาคม เวลา 20.00 น. ชาวเล 3 คนประกอบด้วย นายกล้าหาญ หาญทะเล และชาวเลอีก 2 คนซึ่งพิการจากการถูกน้ำหนีบคือ นายตา หาญทะเล กับ นายเล็ก หาญทะเล ถูกทำร้ายร่างกายและถูกข่มขู่กลางดึก ภายหลังที่นายตาและนายเล็ก ได้สร้างห้องน้ำในบริเวณบ้านของตนเองที่ชุมชนตูโป๊ะ ใกล้กับสถานีอนามัยเกาะหลีเป๊ะ ฝั่งหาดซันไรส์ บีช ด้านตะวันออกของเกาะ
“คนบนเกาะโดนทำร้ายตั้งแต่หัวค่ำ พอเรารู้ข่าว พวกเราก็วิ่งไปจะไปช่วย แต่ว่าเขาในกลุ่มมีปืนมาขู่ พวกเรากลัวเลยต้องรีบเปลี่ยนใจเดินมาแจ้งตำรวจที่โรงพัก แต่ทีแรกตำรวจยังไม่รับแจ้ง เราก็ยืนรออยู่จนถึง 4 ทุ่ม ทหารจึงตามมาช่วยเจรจาและติดตามจับตัวคนก่อเหตุได้ 5 คน และนัดเจรจาในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าผลการเจรจาจะเป็นไง อยากให้ตำรวจและทหารเอาจริงกับผู้มีอิทธิพลบ้าง ถ้าเขาหลุดคดี เขาคงต้องจ้องเล่นงานเราอีกแน่ๆ อย่างน้อยควรยึดอาวุธถ้าเขามีปืนในตัวเหมือนที่ชาวเลเห็น เพราะถ้ามีปืนใครๆก็กลัว” นางสายใจ กล่าว
นายกล้าหาญ หาญทะเล กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทจนตนและผู้พิการถูกทำร้ายนั้น นายตา และนายเล็ก ซึ่งสื่อสารภาษาไทยไม่ถนัด ได้สร้างห้องน้ำอยู่ เพราะห้องน้ำเก่าพัง แต่มีพนักงานของเอกชนที่อ้างว่ามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้มาสั่งให้รื้อถอนห้องน้ำ โดยนายเล็กก็ยอมรื้อถอนห้องน้ำตามคำสั่ง แต่เวลาประมาณ 19.00 น. กลับมีชายฉกรรจ์เข้ามาสั่งให้รื้อถอนบ้านเพิ่มเติม และยืนยันว่าชาวเลที่อาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวไม่มีสิทธิ์ก่อสร้างอะไรแล้ว แต่นายเล็ก และนายตา ไม่ยอมทำตามคำสั่งจึงถูกทุบตีกลางดึก
อนึ่งกรณีข้อพิพาทที่ดินเกาะหลีเป๊ะนั้น มีนายทุนหลายรายอ้างเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินซึ่งเกิดความขัดแย้งกับชาวเลที่อยู่มาดั้งเดิม โดยคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเล อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาของเอกสารสิทธิ์ ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ขณะที่ชาวเลเองเคยร้องเรียนกรณีเอกชนสั่งห้ามปรับปรุงบ้านและที่อยู่อาศัยหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ชาวเลได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ระหว่างทีลงพื้นที่เพื่อประชุมร่วมกับจังหวัดสตูลและภาคส่วนความมั่นคง โดยกสม.ขอความร่วมมือทางจังหวัดและส่วนท้องถิ่นได้ดูแลชาวเลในชุมชน และอนุญาตให้ชาวเลปรับปรุงบ้านเรือน ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยได้ ในระหว่างที่รอกระบวนการพิสูจน์ที่มาของเอกสารสิทธิ์ และขอให้ทางจังหวัดสตูลได้เจรจากับเอกชนให้เปิดทางเข้า-ออกสาธารณะบริเวณด้านข้างโรงเรียนบ้านอาดัง และสถานีอนามัยเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การขนส่งผู้ป่วยและการเดินทาของนักเรียน ซึ่งทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูลรับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ กระทั่งล่าสุดมีเหตุทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นอีกครั้งจากปมข้อพิพาทที่ดิน
/////////////////////