Search

เครือข่ายชาวบ้านสงขลา-สตูลค้านท่าเรือปากบารา บุกกทม. ยื่นหนังสือให้กก.สิ่งแวดล้อมหยุดพิจารณา EIA ชี้สุดหมกเม็ด- เสี่ยงทำลายมรดกอาเซียน ขัดมติ UNESCO

received_1152240568152560
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 เวลา 10.00 น. ตัวแทนชาวบ้านในนามเครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสงขลา-สตูล จำนวน 20 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งจราจรทางบก(สนข)และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ) เพื่อขอให้มีการเปิดเผยข้อมูลรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม(EIA) ของโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล ท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 จังหวัดสงขลา และโครงการทางรถไฟเชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 แห่ง (แลนด์บริดจ์) เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษารายละเอียดก่อนการตัดสินใจรับหรือไม่ รวมทั้งขอให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ หยุดพิจารณา EIA ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ด้วย

received_1152240388152578

นายเชาวลิต ชูสกุล ตัวแทนชาวบ้านจังหวัดสตูล กล่าวรายละเอียดในระหว่างยื่นหนังสือ ว่า ตามที่ สนข. ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อทำ EIA โครงการทางรถไฟสงขลา-สตูล มาแล้วนั้น บัดนี้โครงการดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาในขั้นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ(คชก) ของสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมฯแล้ว และได้เตรียมนำเสนอให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติดำเนินการพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทางเครือข่ายประชาชนปกป้องฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสงขลา สตูล มีความเห็นว่ารายงานการศึกษาดังกล่าวไม่ถูกต้องครบถ้วน จึงขอเสนอให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติยุติการพิจารณาเรื่องดังกล่าวไว้ก่อน ด้วยเหตุผลดังนี้

1.แท้จริงแล้วการศึกษาโครงการทางเขื่อมรถไฟฯ คือยุทธศาสตร์ที่ต้องการเชื่อมเส้นทางคมนาคมระหว่างสองฝั่งทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ที่มีองค์ประกอบของโครงการมากกว่าหนึ่งโครงการ ดังนั้นจึงไม่ควรศึกษาแบบแยกส่วนรายโครงการ ทั้งยังต้องคำนึงถึงผลกระทบโดยรวมของประชาชนในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการอื่นๆในภาพรวมด้วย 2. โครงการนี้ได้มีเสียงคัดค้านของประชาชนหลายพื้นที่ตลอดเส้นทางโครงการตั้งแต่ต้น ด้วยเหตุผลของความไม่ชัดเจนในเรื่องวัตถุประสงค์ของโครงการที่อยู่ระหว่างการขนส่งสินค้า หรือการขนส่งมวลชน และทั้งสองแนวทางก็ไม่ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้หรือความคุ้มทุนในการใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง 3. ขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในพื้นที่ก่อสร้างทางรถไฟ ทั้งยังไม่ได้รับทราบข้อมูล ข่าวสาร ที่จะทำให้รู้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตนในเรื่องทรัพย์สิน อาสิน ตลอดถึงความมั่นใจในการอยู่อาศัย หรือผลกระทบอื่นๆที่จะตามมาในอนาคต

4. โครงการดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างหนักกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ทั้งต้นทางและปลายทาง ด้วยสถานีต้นทางอยูที่ท่าเรือน้ำลึกปากบารา ซึ่งอยู่กลางทะเลห่างจากฝั่ง 4.2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ซึ่งจะต้องถอนสภาพความเป็นอุทยานแห่งชาติฯอย่างน้อย 4,734 1ไร่ และอาจจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และที่สำคัญคือบริเวณดังกล่าวที่เรียกว่าอ่าวปากบารา อำเภอละงู จังหวัดสตูล ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของคนจังหวัดสตูล และสถานีปลายทางบ้านสวนกง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ถือเป็นพื้นที่อันทรงคุณค่าทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งประชาชนในพื้นที่กำลังดำเนินการเพื่อเสนอให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแห่งใหม่ของจังหวัดสงขลา และของประเทศ

นายเชาวลิต กล่าวรด้วยว่า การจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการทางรถไฟฯ ถือเป็นกระบวนการศึกษาที่ไม่เคารพสิทธิความเห็นของประชาชนในพื้นที่ และไม่เชื่อมโยงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่อย่างตรงไปตรงมา ตามข้อสังเกตที่ได้นำเสนอไปแล้วเบื้องต้นถือเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะนำเรียนเพื่อให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และมีภูมิรู้ต่อเรื่องธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี ได้โปรดใช้วิจารณญาณในการพินิจพิจารณาถึงเหตุผลต่างๆดังกล่าวแล้วอย่างรอบด้านและรอบคอบ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศในระยะยาวต่อไป จึงเสนอให้หยุดการพิจารณารายงานการศึกษาผลกระทบของโครงการรถไฟรางคู่สงขลา-สตูล หรือเส้นทางรถไฟที่จะเชื่อมระหว่างทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ไว้ก่อน จนกว่าจะมีการสร้างความกระจ่างตามข้อสังเกตที่ได้นำเรียนไว้แล้ว

“ในการพิจารณา EIA เกี่ยวกับโครงการทางเชื่อมรถไฟหรือแลนด์บริดจ์นี้ เป็นแค่จิ๊กซอว์เดียวที่ทำให้ประชาชนเกิดความมึนงงกับโครงการอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในทะเลอ่าวไทยและอันดามันอย่างกรณีท่าเรือปากบารานั้นหากมีการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติตะรุเตาซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่UNESCO ได้ประกาศเป็นมรดกอาเซียนประเทศไทยไม่ควรใช้ EIA แค่ในประเทศเพราะอาจจะขัดแย้งกับมติของคณะกรรมการUNEP เพราะอาจจะขัดแย้งกับมติของคณะกรรมการ UNESCO ได้ แล้วถึงเวลานั้นไทยจะตอบคำถามโลกได้อย่างไรทางที่ดีประเทศไทยควรอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อที่มีคุณค่าด้านการท่องเที่ยวไว้เพื่อรองรับการท่องเที่ยวจะดีกว่าเปิดรับอุตสาหกรรม”นายเชาวลิต กล่าว

ด้านนายรุ่งเรือง ระหมันยะ ตัวแทนชาวจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายฯ กล่าวว่า สำหรับกรณีท่าเรือสงขลาแห่งที่ 2 นั้น ชาวบ้านได้เคยคัดค้านต่อรัฐบาลมาแล้ว อีกทั้งได้ร้องเรียนต่อคณะอนุกรรมการสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)สมัยนายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ เป็นประธานอนุกรรมการฯแล้ว เพื่อขอให้ตรวจสอบการทำ EIA ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนั้น กสม.มีมติให้ทำ EIA ใหม่เพราะฉบับเดิมที่ทำแล้วเสร็จมีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่ระบุว่าทะเลสวนกง สงขลา เป็นทะเลที่ไร้การทำประโยชน์จากชาวบ้านและพื้นที่ส่วนมากเป็นที่สาธารณะประโยชน์ชาวบ้านไม่มีกรรมสิทธิ์ในการครอบครอง จึงเป็นที่ร้างว่างเปล่า ควรแก่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจด้วยการสร้างท่าเรือซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะชาวบ้านในพื้นที่มีการทำประมงพื้นบ้านที่สร้างรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อวันประมาณ 1,000 บาท

“ตอนนี้เรื่อง EIA ท่าเรือสงขลาแห่งที่ 2 เงียบไปนานแล้วและชาวบ้านยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่แต่ตอนนี้ได้รวมตัวกันกับชาวจังหวัดสตูลเพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับแลนด์บริดจ์ ก่อน เพราะหากโครงการนี้ผ่านแสดงว่าท่าเรือทั้งสองแห่งก็คงต้องผ่านเช่นกันอย่างน้อย สผ.น่าจะมีการติดต่อประสานงานกับชาวบ้านเพื่อเปิดเผยข้อมูล EIA ของทุกโครงการ การลงพื้นที่รวมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาสภาพสิ่งแวดล้อม สภาพเศรษฐกิจชุมชนกับชาวบ้านบ้าง ก่อนเดินหน้าทำ EIA “ นายรุ่งเรืองกล่าว

นางอัษฎาพร ไกรพานนท์ รองเลขาธิการ สผให้สัมภาษณ์ภายหลังรับหนังสือ ว่า ในส่วนของสผ.จะเปิดเผยข้อมูลให้ชาวบ้านได้รู้ในส่วนที่ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ซึ่งจะต้องรอดูว่าในการประชุมวันที่ 1 สิงหาคมนี้ จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง เกี่ยวกับแลนด์บริด แต่เข้าใจดีว่า ภาคประชาชนเป็นกังวลกับโครงการพัฒนาต่างๆ ทั้งนี้ในส่วนของ EIA ของท่าเรือทั้ง 2 แห่ง ที่ คชกฺได้เคยพิจารณาไปแล้วแต่มีข้อท้วงติงจากฝ่ายต่างๆเพื่อปรับปรุงแก้ไข เพิ่มเติมนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากหน่วยงานใด เสนอเข้ามายัง สผ .หากมีเสนอเข้ามา ทาง สผ.ยินดีจะแจ้งให้ประชาชนรับทราบ ทั้งนี้รายงาน EIA ทั้งหมด ต้องทำแยกส่วนกันกรณีท่าเรือจะเป็นความรับผิดชอบของกรมเจ้าท่า และแลนด์บริดจ์ เป็นความรับผิดชอบของ สนข.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในภาคบ่ายเวลาประมาณ 13:00 น. เครือข่ายฯ ได้เดินทางไปยังสำนักงาน กสม.ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อร้องเรียนให้ กสม.ตรวจสอบกรณีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เปิดเผยข้อมูล EIA และกรณีการทำ EIA ที่ไม่ครบถ้วน ไม่รอบด้านสำหรับทุกโครงการทั้งท่าเรือและแลนด์บริดจ์
//////