สะพานรถไฟ “ก้กเทก” ซึ่งตั้งอยู่ที่หุบเขาก้กเทก ซึ่งเป็นสะพานรถไฟที่เก่าแก่และสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวพม่าและนักท่องเที่ยวต่างชาติแม้เข้าสู่ฤดูฝน โดยในช่วงสุดสัปดาห์มีนักท่องเที่ยวมาเยือนราว 500 คน ขณะที่การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยเจ้าหน้าที่ได้ห้ามประชาชนเดินบนสะพานเพื่อความปลอดภัย
สะพานรถไฟก้กเทก ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองหนองเขียว ทางเหนือของรัฐฉาน มีความสูงประมาณ 102 เมตร และมีความยาว 689 เมตร สร้างขึ้นในสมัยอาณานิคมอังกฤษเมื่อปี ค.ศ.1899 และแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1900 ออกแบบและควบคุมโดยวิศกรชาวอังกฤษ โดยวัสดุก่อสร้างเกือบทั้งหมดถูกส่งมาจากอเมริกา ทั้งนี้ สะพานรถไฟแห่งนี้เริ่มได้รับนิยมจากนักท่องเที่ยวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
“แม้เป็นฤดูฝน แต่ก็มีนักท่องเที่ยวกว่า 500 คน เดินทางเพื่อมาชมสะพานแห่งนี้ช่วงสุดสัปดาห์ ดังนั้นเราจำเป็นต้องมีการเข้มงวด” นายยินโทย เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟพม่าเผยและว่า เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากต้องการเดินบนสะพานเพื่อถ่ายรูปของตัวเอง และมีบางครั้งที่นักท่องเที่ยวเกือบพลัดตกเหว จึงได้มีการวางมาตรการรักษาความเข้มงวดเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่รถไฟยังเปิดเผยอีกว่า “เจ้าหน้าที่ต้องจับตาดูนักท่องเที่ยวตลอดเวลา เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวบางคนพยายามฝ่าฝืนเข้าป้ายห้ามของทางการ ขณะที่มีรายงานว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติมักนิยมเดินทางมาโดยการนั่งรถไฟจากมัณฑะเลย์-เมืองล่าเสี้ยว เพื่อสัมผัสการนั่งรถไฟผ่านสะพานก้กเทก โดยนักท่องเที่ยวบางส่วนยังแวะเที่ยวชมเมืองสี่ป้อเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้าย ซึ่งในแต่ละวันจะมีรถไฟขบวนมัณฑะเลย์-ล่าเสี้ยววิ่งผ่านสะพานแห่งนี้วันละ 2 รอบ
ขณะที่นักท่องเที่ยวพม่าบางส่วนอย่าง นายอ่องลิน จากย่างกุ้ง กลับเลือกที่จะเดินทางโดยรถส่วนตัวมายังสถานท่องเที่ยวแห่งนี้ โดยขับรถจากเมืองหนองเขียวมายังหุบเขาก้กเทก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นายอ่องลิน กล่าวว่า แม้การเดินทางโดยรถยนต์ผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อจะเหนื่อย แต่ก็คุ้มค่าเมื่อเดินทางมาถึงและเห็นรถไฟแล่นไปช้า ๆ ผ่านหุบเขาก้กเทก ถือเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวจากเมืองหลวงอย่างเขา
ที่มา Irrawaddy
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ
