การประชุมระหว่างนางอองซาน ซูจี และทางรองผู้นำของกองทัพว้า (UWSA) นาย Pao Yu Yi และเจ้าจายลืน ผู้นำสูงสุดของกองกำลังเมืองลา (NDAA) เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม มีรายงานว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงที่กรุงเนปีดอว์ โดยเนื้อหาใจความสำคัญของการหารือ นางซูจีเรียกร้องให้ทั้ง 2 กลุ่มลงนามหยุดยิงแห่งชาติ (NCA) และเรียกร้องให้เข้าร่วมการประชุมใหญ่สัญญาป๋างโหลงศตวรรษที่ 21 ที่ทางรัฐบาล NLD จะจัดขึ้นปลายเดือนสิงหาคมนี้
ในการประชุม นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ ได้กล่าวว่า กลุ่มติดอาวุธทั้ง 2 กลุ่มควรที่จะลงนามหยุดยิงร่วมกับรัฐบาล และเปิดอกหันหน้าคุยกันอย่างตรงไปตรงมา มีรายงานว่า ทางกองทัพว้าและกองกำลังเมืองลาต่างก็มีท่าทีเห็นดีด้วยและสนับสนุนเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ที่นางซูจีจะจัดขึ้นปลายเดือน สิงหาคมนี้ แต่ทั้งสองฝ่ายจะต้องมาคุยกันถึงรายละเอียดในเรื่องนี้อีกที
ระหว่างที่ร่วมหารือกัน ทางผู้นำว้าได้กล่าวให้คำมั่นสัญญาว่า ว้านั้นจะไม่มีทางที่จะแยกตัวออกจากประเทศพม่า แต่จะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของพม่าต่อไป โดยนายซอว์เท โฆษกจากสำนักประธานาธิบดี เปิดเผยว่า ในการหารือครั้งนี้ ยังไม่มีการพูดถึงประเด็นเรื่องการขอแยกตัวของรัฐว้า (Wa State) ซึ่งกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันเป็นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่เขตปกครองพิเศษของว้านั้นอยู่ในรัฐฉาน
นอกจากจะพบกับผู้นำว้าและผู้นำกองกำลังเมืองลาแล้ว นางซูจียังได้พบกับสมาชิกของกองทัพว้าและกองกำลังเมืองลากว่า 100 คน เป็นเวลาสั้น ๆ เพื่อตอบคำถามต่าง ๆ มีรายงานว่า ระหว่างพบปะพูดคุยกับชุมชนของว้าและเมืองลา มีการใช้ภาษาจีนเป็นสื่อกลางระหว่างกัน ซึ่งทางนางซูจี มองว่า ประเทศพม่ายังไม่มีศักยภาพพอที่จะจัดหาหนังสือเรียนไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ในเขตพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์
นางซูจียังเรียกร้องให้ชุมชนว้าและเมืองลา พิจารณาใช้ภาษาพม่าเป็นภาษาราชการ ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ทั้ง 2 เขตปกครองพิเศษนั้นใช้ภาษาจีนเป็นภาษาสื่อสารกันอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ นางซูจียังกล่าวให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาในด้านสุขภาพและด้านการศึกษาในเขตพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์อีกด้วย “เราต้องการครูอีกมากในเขตพื้นที่ชาติพันธุ์ การมีครูที่เพียงพอดีกว่าการมีอาคารเรียน” นอกจากนี้ นางซูจี ยังกล่าวว่า ผู้หญิงและคนรุ่นใหม่ก็มีส่วนสำคัญที่จะผลักดันก่อร่างสร้างสันติภาพในประเทศด้วย
หลังพบหารือกับนางซูจีแล้ว ผู้นำกองทัพว้าและเมืองลาได้พบหารือกับผู้นำกองทัพพม่า พลเอก มิ้นอ่องหล่าย โดยทางผู้นำกองทัพพม่าได้กล่าวกับผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งสองว่า การที่จะนำพาประเทศให้พัฒนาเจริญได้นั้น ทุกฝ่ายจำเป็นต้องมีความเข้าใจกัน เป็นมิตรและร่วมกันทำงานเพื่อประเทศต่อไป โดยยังอ้างว่า เป้าหมายของกองทัพพม่านั้นต้องการเห็นประเทศมีความสงบสุขอย่างแท้จริง โดยในวันนี้ (30 กรกฎาคม) ทางคณะว้าและเมืองลาจะหารือกับคณะรัฐบาลพม่าเพิ่มเติม
ที่มา Irrawaddy/สำนักข่าวไทใหญ่ Tai Freedom
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ
