Search

ชี้กม.ชนเผ่าพื้นเมืองในไทยยังล้าหลัง อดีตกสม.เผยรัฐบาลไม่ยอมรับประเทศไทยมีคนพื้นเมือง เหตุไม่มีการล่าดินแดน เตรียมจัดงานวันชนเผ่าพื้นเมือง 9 ส.ค.นี้

13898732_1161667977209819_1561295_o
นางสุนี ไชยรส ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมความเสมอภาคและความเป็นธรรม วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในยุคที่รัฐบาลไทยมีการเปลี่ยนแปลงไป-มาหลายขั้วการเมืองนั้น สังคมมีการเปลี่ยนแปลง นโยบายหลายอย่างเพื่อการเดินหน้าประเทศ แต่นโยบายด้านชนเผ่าพื้นเมืองหรือกลุ่มชาติพันธุ์กลับล้าหลังเสมอ โดยช่วงก่อนการทำรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อปี 2557 นั้น หลายภาคส่วนเสนอให้มีร่างกฎหมายเพื่อชนเผ่าพื้นเมืองมากมาย อาทิ ร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) สภาชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย, ร่าง พรบ.สิทธิชุมชน , ร่าง พรบ.ป่าชุมชน ฯลฯ เพื่อจะได้ยกระดับสังคมให้เกิดการยอมรับชนเผ่าต่าง ๆ มากขึ้น แต่กลับไม่เป็นผล กฎหมาย และทุกอย่างต้องถูกระงับไป ทำให้ชนเผ่าพื้นเมืองหลายกลุ่มต้องเผชิญกับปัญหาถูกลิดรอนสิทธิต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของสิทธิทางทรัพยากร และแง่อคติจากคนในสังคม

13898435_1161667980543152_616967398_o
“คนไทยหลายคนรู้และให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมการแต่งกาย ของชนเผ่าพื้นเมือง มองเห็นเสน่ห์ของพวกเขาในด้านประเพณีอื่น เช่น บูชาบรรพบุรุษ การละเล่นพื้นบ้าน แต่ในทางนโยบายและกระแสสังคมนั้น มันแปลกที่คนไทยหลายคนเกลับไม่ให้ความสำคัญกับการเคารพสิทธิของพวกเขา เช่น การยอมรับการทำไร่หมุนเวียนของปกาเกอะญอ การยอมรับการอยู่ร่วมกับป่าของชนพื้นเมืองในแต่ละภาคของประเทศไทย การไม่ยอมให้ชาวเลมีสิทธิที่ดินทำกิน ในทะเล หนักกว่านั้น คือ การนำเสนอภาพลักษณ์ด้านเสียต่อกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น การพาดหัวต่อข่าวอาชญากรรมต่างๆ ในสื่อไทยบางครั้งก็ใช้คำเหยียดชาติพันธุ์มากเกินไป หรือละครไทยหลายเรื่องมักจะนำเสนอในแง่ของชาติพันธุ์ที่ขายแรงงาน และสื่อสารภาษาไทยไม่ชัด สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาเรื้อรังที่ยังอยู่ในสังคม ซึ่งจะมีผลต่อการผลักดันกฎหมายเพื่อประโยชน์ของชนเผ่าพื้นเมืองอย่างมาก” นางสุนี กล่าว

นางสุนี กล่าวต่อว่า เป็นเรื่องยากในการขับเคลื่อนกฎหมายเพื่อชนเผ่าพื้นเมือง เพราะว่ารัฐบาลไทยไม่ยอมรับว่าประเทศไทยมีชนเผ่าพื้นเมือง ไม่มีการตั้งรัฐหรือล่าอาณาเขตโดยรุกที่คนพื้นเมืองเหมือนสหรัฐอเมริกาที่บุกรุกเขตอินเดียแดง ไม่เหมือนกับการยึดแผ่นดินของทางการออสเตรเลียที่กระทำต่อชนเผ่าอะบอริจิน แต่รัฐไทยมองว่าชาติพันธุ์ต่างๆในประเทศไทยนั้นมาจากหลากหลายพื้นที่ ทั้งจากการอพยพจากประเทศเพื่อนบ้าน และการสร้างชุมชนในภายหลังซึ่งส่วนมากอยู่ในชายแดนทั่วประเทศไทย ดังนั้นการผลักดันกฎหมายที่สำคัญอย่าง ร่าง พ.ร.บ. สภาชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย จึงเกิดขึ้นยาก ทำให้ไม่สามารถออกกฎหมายลูกหรือนโยบายใดเพื่อรองรับชนเผ่าต่างๆ ในประเทศได้เหมือนกับหลายประเทศ ทางเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองจึงมักจะเลือกใช้ช่องทางการขอมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือระเบียบสำนักนายก และกฎกระทรวงแทนกฎหมายถาวร ส่วนตัวเห็นว่า หากประเทศไทยไม่มีการปรับปรุงด้านนี้ ก็จะเดินถอยหลังเรื่องการพัฒนาสิทธิพลเมืองมากขึ้น เพราะขณะนี้ชนเผ่าทั่วประเทศไทยถูกจับและดำเนินคดีข้อหาบุกรุกที่ ข้อหาลักลอบตัดไม้หลายแห่ง เช่น ที่ทุ่งป่าคา จังหวัดแม่ฮ่องสอน หรือการย้ายชาวกะเหรี่ยงบางกลอยจากป่าต้นน้ำ ที่อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ทั้งที่ตั้งถิ่นฐานก่อนการประกาศเขตป่า ไม่ว่าจะเป็นอุทยานแห่งชาติ หรือป่าสงวนก็ตาม นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ฝังลึกในสังคมอย่างมาก

ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมความเสมอภาคและความเป็นธรรม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตนมองว่าไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน หลังการลงประชามติวันที่7 สิงหาคมนี้ ชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยก็ยังเป็นพลเมืองชั้น 2 ที่ไม่มีกฎหมายคุ้มครองอย่างจริงจัง ดังนั้นในการจัดงานวันชนเผ่าพื้นเมืองที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ หลายภาคส่วนจึงต้องพยายามผลักดันให้รัฐบาลไทยยอมรับการมีอยู่ของชนเผ่าพื้นเมืองและคุ้มครองสิทธิของพวกเขาอย่างยั่งยืน โดยอาจจะเน้นที่การร่วมออกข้อเสนอเพื่อความมั่นคงในที่ดินอยู่อาศัยและที่ทำกิน ตลอดจนสิทธิด้านอื่นๆ ที่คนไทยทั่วไปพึงได้รับจากรัฐ

อนึ่ง ในวันที่ 9 สิงหาคม 2559 เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) จะมีงานสัมมนาและกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ประจำปี 2559 ณ หอประชุมสนามกีฬาสมโภช 700 ปี อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน สอบถามรายละเอียดได้: นายศักดิ์ดา แสนมี่ ผู้ประสานงานกองเลขานุการจัดงานสมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย (ศ.ว.ท./IMPECT) โทร 08-1387 4904, 0-5339-8591, Fax.0-5339-8592 Email: cipt.office@gmail.com

On Key

Related Posts