รัฐบาลท้องถิ่นรัฐกะเหรี่ยงร่วมกับองค์กรยูนิเซฟ และองค์กร Danish NGO DanChurchAid (DCA) ได้จัดอบรมเรื่องกับระเบิดครั้งแรกขึ้นที่เมืองผาอัน เมืองหลวงรัฐกะเหรี่ยง ที่โรงแรม “ทอว์วิน หย่าดะหน่า” โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 60 คน โดยมีข้าราชการจากกระทรวงต่าง ๆ ของรัฐบาลรัฐกะเหรี่ยงเข้าร่วมอบรมด้วย
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมมีทั้งชาวบ้านจากในแต่ละพื้นที่ของรัฐกะเหรี่ยง และเจ้าหน้าที่ข้าราชการอย่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ เจ้าหน้าที่ด้านเกษตร ด้านการศึกษาและเจ้าหน้าที่ด้านสวัสดิการสังคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาด้านชายแดน เป็นต้น โดยการอบรมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ข้าราชการได้แลกเปลี่ยนความรู้กับชาวบ้านท้องถิ่น
ขณะที่ผู้จัดงานเปิดเผยว่า ในหลายพื้นที่ทั่วรัฐกะเหรี่ยงยังคงเต็มไปด้วยกับระเบิดที่ถูกวางไว้ทั้งจากฝ่ายกองทัพของรัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ระหว่างที่เกิดสงครามความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยผู้จัดงานยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การอบรมครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะต้องการให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในพม่า โดยมุ่งหวังให้มีการกำจัดกับระเบิดที่มีอยู่ แม้ขณะนี้จะทำได้เพียงการให้ความรู้เท่านั้นก็ตาม แต่ในอนาคตหวังว่าจะสามารถลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านโดยตรง
ในการอบรมครั้งนี้ยังมีการชี้ให้เห็นภัยอันตรายและภัยคุกคามจากกับระเบิด โดยการยกตัวอย่างชาวบ้านกะเหรี่ยงสองรายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด โดยรายหนึ่งเป็นชาวบ้านวัย 45 ปีที่ต้องสูญเสียขาจากการเหยียบโดนกับระเบิด อีกรายเป็นวัยรุ่นอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น จากรายงานเมื่อปี 2557 พบว่า พม่ายังเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ประชาชนยังได้รับผลกระทบจากกับระเบิดมากที่สุด
ก่อนหน้านี้ มูลนิธิ “เญ่ง ชาน เมียนมาร์” (Nyein Chan Myanmar Foundation) เปิดเผยข้อมูลว่า ประชาชนใน 40 กว่าเมืองจากทั่วประเทศในรัฐกะเหรี่ยง รัฐคะฉิ่น รัฐฉานและทางภาคตะวันของเขตพะโคยังคงตกเป็นเหยื่อกับระเบิดที่ยังถูกฝังอยู่ในพื้นที่ ชาวบ้านหลายพันคนที่ตกเป็นเหยื่อกับระเบิดยังไม่ได้รับการเหลียวแล มูลนิธิเญ่ง ชาน เมียนมาร์ ยังเปิดเผยว่า ที่ผ่านมา องค์กรเก็บกู้ทุ่นระเบิดท้องถิ่นและระหว่างประเทศ ได้เสนอตัวที่จะกำจัดกับระเบิดที่มีอยู่ในรัฐคะเรนนี รัฐกะเหรี่ยง รัฐฉาน รัฐมอญ รวมทั้งเขตตะนาวศรี ซึ่งเป็นพื้นที่มีตัวเลขประชาชนได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิดมากที่สุด แต่มีเพียงไม่กี่องค์กรเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลชุดเก่าให้ดำเนินการ
ที่มา DVB
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ