เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2559 ท่านขุนทุนอู หัวหน้าพรรค Shan Nationalities League for Democracy-SNLD หรือ พรรคหัวเสือ เป็นประธานในพิธีเปิดงานฉายสารคดี “เมืองพันเกาะ ก่อนจมหายใต้บาดาล” ณ โรงแรมออร์คิด กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า มีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน อาทิ สื่อมวลชนแขนงต่างๆ กว่า 30 สำนัก และประชาชนผู้สนใจ โดยท่านขุนทุนอูได้กล่าวชื่นชมทีมผลิตสารคดีเมืองพันเกาะ และให้คำมั่นสัญญากับผู้เข้าร่วมเปิดตัวสารคดีว่า ตนจะนำเรื่องโครงการสร้างเขื่อนเมืองโต๋น และเขื่อนทุกแห่งในแม่น้ำสาละวินไปเจรจากับนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐบาลพม่าและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เร็ว ๆ นี้
“ตราบใดก็ตามที่โครงการสร้างเขื่อนในแม่น้ำสาละวินยังคงไปต่อ ไม่ว่าจะดำเนินการโดยฝ่ายใดก็ตาม การสร้างเขื่อนจะกลายเป็นตัวหยุดสันติภาพและกระบวนการเจรจาทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสัญญาปางโหลงครั้งล่าสุด รวมทั้งขวางกั้นการทำงานของรัฐบาลพม่าที่พยายามรวมชาติ เพราะฉะนั้นหากรัฐบาลพม่าต้องการเดินหน้าประเทศเพื่อเข้าสู่สันติภาพ และแสดงศักยภาพให้โลกรู้ว่า พม่า คือ ประชาธิปไตย จะต้องหยุดโครงการที่ทำลายสิ่งแวดล้อมและทำลายแม่น้ำระหว่างประเทศ อย่างแม่น้ำสาละวิน” หัวหน้าพรรคหัวเสือ กล่าว
นายจาย เคอแสง ผู้ประสานงานเครือข่ายกลุ่มปฏิบัติการเพื่อแม่น้ำในรัฐฉาน (Action for Shan State Rivers) กล่าวว่า ชาวไทใหญ่และผู้ร่วมงานทุกคนยินดี และรู้สึกปลาบปลื้มที่ผู้นำรัฐฉานได้รักษาสัจจะสัญญา ในการเดินหน้ารักษาทรัพยากรส่งแวดล้อมเพื่อสาธารณะและประโยชน์ของคนส่วนใหญ่
นายจาย เคอ แสงกล่าวต่อว่า ในวันนี้ใจความสำคัญที่ท่านขุนทุนอูระบุต่อสารคดีชิ้นนี้ คือ ท่านเชื่อมั่นว่า นี่เป็นมรดกทางธรรมชาติที่ไม่ควรมีใครครอบครองไว้ นี่เป็นสมบัติสาธารณะที่เป็นเสน่ห์ของรัฐฉาน คนไทใหญ่โดยสายเลือดจะต้องมีใจรักและปกป้องทรัพยากรแบบนี้ไว้ให้ลูกหลาน และขอขอบคุณทุกคนในงานที่ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งทำให้รัฐฉานยังคงมีสภาพความสมบูรณ์ และตนยังเชื่อมั่นว่า แม่น้ำสาละวินและแม่น้ำสาขายังเป็นสมบัติทางธรรมชาติที่ควรค่าแก่การรักษาไว้ สารคดีที่เผยแพร่ออกหลายช่องทางในวันนี้อยากให้ทุกคนได้ชม และขอยืนยันว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาล้วนเป็นการสื่อสารเพื่อให้สังคมเกิดความสำนึกรักสิ่งแวดล้อมและเห็นคุณค่าของแม่น้ำ ป่าไม้ ซึ่งกำลังแค่คนไทใหญ่เองไม่อาจปกปักรักษาไว้ได้ จำเป็นต้องให้คนไทย คนพม่า และคนอื่น ๆ ได้รู้ด้วย หากท่านรับรู้และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องพื้นที่ป่า แม่น้ำ คนในสังคมทุกคนก็จะมีสิทธิได้ยลโฉมแน่ ๆ
“หากสร้างเขื่อนเสร็จแล้ว ต่อให้สงครามสงบ เราก็ไม่เหลือทรัพยากรอะไรแล้ว ต่อไปเราต้องแย่งน้ำ แย่งป่าไม้กันถูกไหมครับ ระหว่างที่เรารอสงครามในพม่าสงบ เรารอสันติภาพ เราก็ควรเก็บธรรมชาติไว้ เพื่อให้วันหนึ่งสันติภาพกลับมาเราจะได้ชื่นชมไปด้วยกัน” นายจาย เคอ แสง กล่าว
ทั้งนี้บรรยากาศภายในงานเปิดตัวสารคดีเป็นไปอย่างคึกคัก และผู้จัดงานได้ออกแถลงการณ์มีใจความสำคัญระบุว่าภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ที่เปิดตัว เผยให้เห็นความงามตามธรรมชาติของ “เมืองพันเกาะ” ริมฝั่งน้ำแม่ป๋าง ลำน้ำสาขาของสาละวิน ซึ่งปัจจุบันมีโครงการสร้างเขื่อนเมืองโต๋นขนาดใหญ่ ทางตอนใต้ของรัฐฉาน ภาพยนตร์สารคดีนำชมพื้นที่ชนบทเขตเมืองกุ๋นฮิง ตอนกลางของรัฐฉาน ซึ่งขาดการพัฒนามาหลายทศวรรษเนื่องจากการสู้รบอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ภาพถ่ายจากโดรนทางอากาศทำให้เห็นภาพจากมุมสูงของน้ำตกซึ่งไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน รวมทั้งเกาะแก่ง ศาสนสถานโบราณที่ตั้งอยู่ร่วมกับเกาะแก่งจำนวนมากมายในน้ำป๋าง ในสารคดีนี้เกษตรกรและชาวประมงในพื้นที่เล่าให้ฟังถึงประวัติศาสตร์ด้านวัฒนธรรมที่หลากหลาย และผลกระทบร้ายแรงจากปฏิบัติการกวาดล้างของกองทัพพม่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ล้วนเป็นหลักฐานจากภาพยนตร์ที่หาดูได้ยาก ทั้งยังมีการสัมภาษณ์ผู้ลี้ภัยซึ่งหลบหนีการสู้รบในช่วงนั้นเข้าสู่ประเทศไทย และยังไม่กล้ากลับไปบ้านเกิดของตนเอง
———————