เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2560 นางสาวสุนารี ขุนมณี อายุ 16 ปี ตัวแทนเยาวชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ศูนย์การเรียนชุมชนศรีสุวรรณสะเนพ่อง (วิถีกะเหรี่ยงทุ่งใหญ่นเรศวร) เปิดเผยว่า วันนี้ ตนและเพื่อน ๆ พร้อมองค์กรภาคีราว 30 คน จากผืนป่ามรดกโลกทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เรียกร้องสิทธิเพื่อการศึกษาของเด็กและเยาวชน เพื่อโดยขอให้ กสม. พิจารณาดำเนินการสอบสวนหน่วยงานของรัฐ ที่ละเมิดสิทธิการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของศูนย์การเรียนรู้ 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การเรียนชุมชนศรีสุวรรณสะเนพ่อง (วิถีกะเหรี่ยงทุ่งใหญ่นเรศวร) ได้ร่วมกับศูนย์การเรียนบ้านอุ่นไอรัก จ.กาญจนบุรี, ศูนย์การเรียนชุมชนธรรมชาติบ้านห้วยพ่าน จ.น่าน ที่ดำเนินการศึกษาทางเลือกมานานแต่ไม่ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเหมาะสม ตามมาตรา 12 มาตรา 14 และมาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (พรบ. การศึกษาแห่งชาติ) พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 และขอให้มีการจัดการทำรายงานเพื่อเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จัดตั้งหน่วยงานรับผิดชอบการกระศึกษาทางเลือกตาม พรบ.การศึกษาฯ
นางสาวสุนารี กล่าวต่อว่า ศูนย์การเรียนชุมชนศรีสุวรรณสะเนพ่อง (วิถีกะเหรี่ยงทุ่งใหญ่นเรศวร) จ.กาญจนบุรี ซึ่งได้เปิดทำการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2557 โดยได้รับอนุญาตและเห็นชอบจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 8 (สพม.8) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) กระทรวงศึกษาธิการ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ศูนย์การเรียนซึ่งเป็นการจัดการศึกษาทางเลือกยังไม่เคยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐแต่อย่างใด
“ในส่วนของโรงเรียนของพวกหนู คือ เปิดมา 3 ปีแล้วมีนักเรียนถึง ม.3 ราว 42 คน มีครู 3คน ซึ่งครูก็เป็นครูในชุมชน แต่เราไม่ได้รับการสนับสนุนอะไรเลย บางคนเขาก็หาว่าอาจจะเป็นเพราะเพื่อน ๆ บางคนเขาเป็นเด็กไร้สัญชาติหรือเปล่า แต่การศึกษาเป็นสิทธิของทุกคนจะมีบัตรประชาชน ไม่มีพวกเราก็อยากเรียน วันนี้เลยเล่าเรื่องให้ ทางผู้ใหญ่ในกสม. ฟัง ท่านก็รับปากจะดูแลให้ แต่ก็ฝากมาว่าจะให้นักกฎหมายช่วยเดินหน้าเรื่องการขอสัญชาติเพิ่มเติมให้ด้วย หนูหวังว่าถ้ารัฐบาลช่วยเรา โรงเรียนของเราจะได้ขยายการเรียน การสอนไปจนถึงมัธยมปลาย ที่พวกหนูมาร้องเรียนวันนี้ เพราะพวกหนูคนบ้านป่า เราไม่มีเงินไปเรียนในเมือง เราอยากเรียนใกล้บ้าน จึงอยากไหว้ขอผู้ใหญ่ให้ช่วยเรา” นางสาวสุนารี กล่าว
ด้านนางสาวรวงทอง จันดา ที่ปรึกษาศูนย์การเรียนฯ มูลนิธิส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชน กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2550 ระบุเกี่ยวกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานไว้ว่ามีมติเห็นชอบให้การศึกษาโดยครอบครัวหรือสถานประกอบการ โดยอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวแก่ผู้เรียนการศึกษาพื้นฐานในอัตราเดียวกันที่รัฐจัดสรรให้สถานศึกษาเอกชนและอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวแก่ผู้เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐานที่จัดโดยสถานประกอบการในอัตราครึ่งหนึ่งของเงินอุดหนุน ซึ่งในนั้นเป็นการอุดหนุนเฉพาะสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทเอกชนขนาดใหญ่เท่านั้น เช่น กรณี รงเรียนปัญญาภิวัฒน์ของบริษัทซีพีออลจำกัด (มหาชน) ซึ่งมติ ครม.ดังกล่าวยังเห็นชอบเพิ่มเติมด้วยว่ากรณีของบริษัทเหล่านี้ มีสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการส่งบุตรเข้าเรียน ศูนย์การเรียนหักรถหย่อนภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคเงินให้กับศูนย์การเรียน ยกเว้นภาษีเงินได้จากการศึกษาแก่ผู้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามมาตรา 12 ยกเว้นภาษีศุลกากรและภาษีมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าที่นำเข้าเพื่อการศึกษา ยกเว้นภาษีเงินได้ภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ให้กับบุคคลหรือนิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไป เพื่อให้ผู้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามมาตรา 12 พรบ.การศึกษาแห่งชาติฯ ได้ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ตามมติ ครม.ด้วย ซึ่งตรงนี้คล้ายกับว่าเป็นความไม่เท่าเทียมทางสิทธิการศึกษา จึงเห็นควรว่าต้องมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้ศูนย์การเรียนชุมชนศรีสุวรรณสะเนพ่อง และที่อื่นๆได้รับสิทธิอย่างเหมาะสมเช่นกัน
///////////////////////