เจ้าหน้าที่รัฐประจำแขวงบ่อแก้ว ทางตอนเหนือของประเทศลาว ได้สั่งปิดสวนกล้วยจีน 18 แห่งในพื้นที่ หลังพบทำผิดกฎหมาย ใช้สารเคมีจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการปลูกกล้วยในหลายพื้นที่ซึ่งไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ การสั่งห้ามดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในต้นปี 2017 โดยจะครอบคลุมสวนกล้วยในเขตอำเภอ ต้นผึ้งและอำเภอห้วยทราย
จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ประจำแขวงบ่อแก้ว ระบุว่า สวนกล้วยดังกล่าวเหล่านั้น ไม่ได้ปลูกกล้วยน้ำว้าซึ่งเป็นพันธุ์พื้นเมือง แต่จะปลูกเฉพาะกล้วยหอมที่ได้รับความนิยมในตลาดโลกเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีจึงมีการใช้ยาฆ่าแมลง สารเคมีกำจัดวัชพืช และปุ๋ยเคมีในปริมาณมากเพื่อป้องกันโรคกว่า 28 ชนิด และแมลง 19 ชนิด ที่จะมาทำลายผลผลิต
ทั้งนี้ การใช้สารเคมีช่วยให้กล้วยเจริญเติบโตได้ดี แต่ก็พบว่ารั่วไหลลงสู่แหล่งน้ำใต้ดิน นอกจากนี้ ขยะจำพวกพลาสติกบรรจุสารเคมีเหล่านั้นยังถูกทิ้งเกลื่อนในเขตชนบท ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตที่อ้างว่าเกิดจากมลพิษดังกล่าวแล้วจำนวนหนึ่งราย
ในส่วนของแรงานที่ทำงานในสวนกล้วยและได้สัมผัสกับสารเคมี พบว่า มีแผลบริเวณแขน มีอาการปวดหัว และคลื่นไส้ เจ้าหน้าที่รัฐรายหนึ่งในอำเภอผาอุดม ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ เปิดเผยกับ RFA ว่า แรงงานคนหนึ่งได้เสียชีวิตจากการสัมผัสถูกสารเคมี โดยเจ้าของสวนกล้วยได้จ่ายเงินจำนวน 5 แสนกีบ เป็นค่ารักษาระหว่างอยู่ในโรงพยาบาล แต่เมื่อเสียชีวิตแล้ว ครอบครัวของชายคนดังกล่าวไม่ได้รับค่าชดเชยแต่อย่างใด
ทั้งนี้ แหล่งข่าวเปิดเมื่อปีที่ผ่านมาว่า แรงงานในสวนกล้วยนั้นมีสภาพที่ย่ำแย่ เนื่องจากเจ้าของสวนจะให้แรงงานทำงานต่อเนื่องได้มากที่สุดแค่ 3 ปี เพราะกลัวว่าจะเสียชีวิตภายในสวน
“นักธุรกิจจีนสนใจแต่เรื่องผลประโยชน์ พวกเขาลงทุนมาก และก็เอาเปรียบชาวบ้าน” เจ้าหน้าที่เผย “ขณะนี้มีการสั่งปิดสวนกล้วยในต้นผึ้งและบ่อแก้วแล้ว พวกเขากำลังค่อย ๆ ทยอยออกไป และไม่อยากกลับมาอีก”
สองปีนับจากนี้ เจ้าหน้าที่รัฐแขวงบ่อแก้วหวังว่าจะเปลี่ยนจากการเพาะปลูกกล้วยมาเป็นพื้นชนิดอื่นแทน อาทิ แตงโม และปาล์ม เป็นต้น ในส่วนของต้นกล้วยที่ยังคงอยู่ รัฐบาลมีแผนที่ทำการปิดสวนหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต
ที่มา http://www.rfa.org/english/news/laos/lao-provincie-issues-banana-ban-01272017131829.html
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.