Search

รัฐลอยแพการศึกษาเด็กในศูนย์การเรียนมา 3 ปี… วันนี้ยังไร้รูปธรรมการสนับสนุน

“โรงเรียนของหนูเปิดมา 3 ปีแล้ว แต่รัฐไม่สนับสนุนงบประมาณมาให้เลย ไม่มีรหัสสถานศึกษา ไม่งบให้พวกหนูซื้อหนังสือเรียน ไม่มีงบค่าชุดนักเรียน ไม่มีค่าอาหารกลาง ไม่มีอะไรเลย รัฐไม่ช่วยอะไรเลย ทั้งที่มันเป็นสิทธิของพวกหนู พวกหนูเป็นคนไทย มีบัตรประชาชนด้วย พวกหนูก็ควรมีสิทธิเหมือนเด็กไทยคนอื่น”

นี่คือเสียงสะท้อนของ ด.ญ.อัมพร พลีเพื่อชาติ นักเรียนชั้น ม. 3 ของศูนย์การเรียนชุมชนศรีสุวรรณสะเนพ่อง (วิถีกะเหรี่ยงทุ่งใหญ่นเรศวร) หมู่ 1 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

ศูนย์การเรียนเป็นสถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งระบุให้การรับรองสิทธิในการจัดการศึกษาแก่ภาคสังคมและประชาชน โดยกำหนดว่า “นอกเหนือจากรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น มีสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง”

ต่อมากระทรวงศึกษาธิการจึงได้ออกกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิองค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียน พ.ศ.2555 เพื่อให้องค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนซึ่งมีความประสงค์และมีความพร้อมเข้ามาช่วยเหลือรัฐในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในรูปแบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยรัฐจะส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา อันจะทำให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพเท่าเทียมกับการศึกษาในรูปแบบอื่น

ศูนย์การเรียนชุมชนศรีสุวรรณสะเนพ่อง (วิถีกะเหรี่ยงทุ่งใหญ่นเรศวร) เป็นสถานศึกษาจดทะเบียนในนาม “องค์กรชุมชน” ตามกฎกระทรวงดังกล่าวข้างต้น โดยได้รับอนุญาตและความเห็นชอบให้จัดการเรียนการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต8 (สพม.8) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีนักเรียนชั้น ม.1-3 รวมทั้งสิ้น 43 คน

นายนันวิมล ไทรนิทัศน์ ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนชุมชนศรีสุวรรณสะเนพ่อง (วิถีกะเหรี่ยงทุ่งใหญ่นเรศวร) กล่าวว่า “การจัดการศึกษาตามมาตรา 12 นี้เป็นเรื่องที่ดีมาก เป็นขยายฐานจากการศึกษาในระบบโรงเรียนไปสู่การศึกษาในรูปแบบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา รัฐให้สิทธิ ให้ใบอนุญาตจัดการศึกษา แต่รัฐลอยแพเข้าเกียร์ว่างไม่สนับสนุนสิทธิประโยชน์ด้านการศึกษาใด ๆ แก่เด็กนักเรียนในศูนย์การเรียน ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ศูนย์การเรียนของเราเท่านั้นที่ไม่ได้ แต่ถึงทุกวันนี้มีเด็กไทยที่เรียนในศูนย์การเรียนทั่วประเทศรวมกว่า 1,000 คน จาก 20 กว่าศูนย์การเรียนก็ไม่ได้รับการสนับสนุนเช่นเดียวกัน”

องค์กรชุมชนบ้านสะเนพ่อง หมู่ 1 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นชุมชนชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงที่อาศัยตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขตผืนป่ามรดกโลกทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกมายาวนานมากกว่า 400 ปี ได้รวมตัวกันแสดงความประสงค์และความพร้อมขององค์กรชุมชนเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้จัดการศึกษาให้กับบุตรหลานด้วยตนเอง โดยมีเป้าหมายให้การจัดการศึกษาให้เป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข อีกทั้งมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้จักรักษาและส่งเสริมสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและความรู้อันเป็นสากล ตลอดจนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นันวิมล ไทรนิทัศน์ ผอ.ศูนย์การเรียนชุมชนฯ กล่าวต่อว่า “ปีการศึกษานี้นักเรียนชั้น ม.3 ของศูนย์การเรียนสำเร็จการศึกษาแล้ว 19 คน เรากำลังจะจัดงานมอบวุฒิบัตรให้แก่เด็กและจัดทำผ้าป่าการศึกษาสามัคคีด้วย ซึ่งที่ผ่านมาเราช่วยกันประคับประคองการจัดการศึกษาผ่านมาได้อย่างยากลำบาก เด็ก ๆ เขารับรู้สถานการณ์ทั้งหมดดีเพราะเราบอกว่าเขามีสิทธิอะไร แต่รัฐไม่ช่วยอะไรสักบาทเดียว ถึงแม้เด็ก ๆ จะขาดโอกาสได้รับความช่วยเหลือด้านการศึกษาจากรัฐ แต่เราก็ประคับประคองมาได้จนถึงทุกวันนี้ไม่ทำให้ลูกหลานของเราเสียโอกาส ซึ่งหากรัฐสนับสนุนพวกเราที่เป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ พวกเราคงสามารถจัดการศึกษาให้แก่ลูกหลานของเราได้อย่างมีคุณภาพมากกว่านี้”

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้ศูนย์การเรียนฯ จะได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่กระทรวงศึกษาธิการก็ยังไม่ได้จัดสรรงบประมาณและให้สิทธิประโยชน์ด้านการศึกษาใด ๆ แก่นักเรียนตามสิทธิที่เด็กไทยควรได้รับ ส่งผลให้ประสบปัญหาขาดแคลนงบประมาณมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาใช้จ่ายเป็นค่าอาหารกลางวัน ชุดนักเรียน หนังสือเรียน วัสดุ-อุปกรณ์ สื่อการเรียน ค่าตอบแทนครู และสิ่งจำเป็นต่าง ๆ สำหรับจัดการศึกษา ดังนั้นคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง คณะครู นักเรียน ร่วมกับคณะที่ปรึกษาของศูนย์การเรียนฯ จึงมีมติให้จัด “ผ้าป่าการศึกษาสามัคคี” ขึ้นอีกครั้งในวันที่ 1 เมษายนศกนี้ ณ ศูนย์การเรียนชุมชนศรีสุวรรณสะเนพ่อง (วิถีกะเหรี่ยงทุ่งใหญ่นเรศวร)

การจัดกิจกรรมในวันดังกล่าวนอกจากจะมีพิธีมอบวุฒิบัตรให้แก่นักเรียน ม.3 แล้ว ยังกำหนดให้มีการทอดผ้าป่าการศึกษาระดมทุนจากผู้มีจิตกุศลสนับสนุนการศึกษาเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในการจัดการศึกษาของศูนย์การเรียน และมีกิจกรรมการเสวนา “ก้าวที่ผ่านมาและก้าวต่อไปของการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามมาตรา 12”, การจัดนิทรรศการการจัดการศึกษาของเครือข่ายการศึกษาตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติและที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งการจัดการศึกษาโดยกลุ่มชาติพันธุ์, การแสดงของนักเรียนในศูนย์การเรียนต่าง ๆ และลานวัฒนธรรมแลกเปลี่ยนระหว่างชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่มาจากหลายจังหวัดด้วย

การจัดงานครั้งนี้จึงเป็นการรวมพลังขององค์กรต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติและที่แก้ไขเพิ่มเติม ร่วมกับนักการศึกษา สถาบันการศึกษาวิชาการ องค์กรชุมชนชาติพันธุ์ หน่วยงานในพื้นที่และสื่อมวลชน เพื่อร่วมกันแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของการจัดการศึกษาในรูปแบบศูนย์การเรียนให้สังคมเห็นถึงสถานะและตัวตนของศูนย์การเรียนในปัจจุบันที่รัฐควรหามาตรการสนับสุนนอย่างเร่งด่วน

ด.ญ.อัมพร พลีเพื่อชาติ นักเรียนชั้น ม.3 รุ่นแรกของศูนย์การเรียนชุมชนศรีสุวรรณสะเนพ่อง (วิถีกะเหรี่ยงทุ่งใหญ่นเรศวร) กล่าวว่า “ที่ผ่านมา 3 ปี ถึงแม้พวกหนูจะขาดแคลนโอกาสรัฐไม่เข้ามาช่วยเหลือด้านการศึกษาตามสิทธิที่พวกหนูควรได้รับก็ตาม หากว่าการจัดงานครั้งนี้จะทำให้รัฐได้ยินเสียงของพวกหนู ได้มองเห็นพวกหนูว่ามีตัวตนเป็นพลเมืองไทย มองเห็นเด็กไทยที่อยู่ห่างไกลบ้านอยู่ป่าแบบพวกหนู หรือเด็ก ๆ ในศูนย์การเรียนที่เรียนอยู่บนดอยทางภาคเหนือ ขอให้พวกหนูเป็นรุ่นแรกรุ่นเดียวและรุ่นสุดท้ายที่รัฐจะทำแบบนี้ พวกหนูขอเพียงรัฐอย่าไม่ทำแบบนี้กับน้อง ๆ ของพวกหนู พวกหนูก็ภูมิใจแล้วและไม่น้อยใจหรอกกับเวลาที่ผ่านมาแล้ว”