Search

ร้องศูนย์ดำรงธรรมปราบอิทธิพลเถื่อนบนหลีเป๊ะ เผยบังคับเก็บเงินนักท่องเที่ยวหัวละ 50 บาท มิเช่นนั้นไม่ให้ขึ้นเกาะ เสนอตรวจสอบเส้นทางการเงินชมรมเรือหางยาว

ผู้ประกอบการบนเกาะหลีเป๊ะร้องเรียนต่อศนย์ดำรงธรรมให้ปราบอิทธิพลเถื่อนบนเกาะหลีเป๊ะ

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2560 นายไกรวุฒิ ชูสกุล ผู้จัดการฝ่ายบริหารการตลาดของบริษัทหลีเป๊ะเฟอรี่แอนด์สปีดโบ้ท จำกัด จ.สตูล เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (7 เมษายน) ตนและผู้ประกอบการการท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ประมาณ 20 คน เข้ายื่นหนังสือถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านทางศูนย์ดำรงธรรม จ.สตูล โดยมีนายศักดา วิทยาศิริกุล ปลัดจ.สตูล เป็นผู้ออกมารับหนังสือ เนื่องจากพบกลุ่มชายที่อ้างตัวว่าเป็นคนจากชมรมเรือหางยาวตามมาบังคับขู่เข็นห้ามนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะหลีเป๊ะ เพราะไม่ยอมจ่ายเงินให้กับทางชมรมฯ หลังจากเรือนักท่องเที่ยวจอดเลียบชายหาดแต่ละจุดของเกาะ

ตั๋วที่เรือรับนักท่องเที่ยวต้องจ่ายให้กับชมรมเรือหางยาว

นายไกรวุฒิกล่าวว่า ล่าสุดเรือสปีดโบ้ทของบริษัทตน ซึ่งออกจากท่าเรือปากบารา มาเทียบชายหาดเกาะหลีเป๊ะบริเวณฝั่งด้านอันดามันรีสอร์ท มีกลุ่มคนอ้างตัวเป็นชมรมเรือหางยาว ไม่ให้นำผู้โดยสารลงจากเรือเพื่อขึ้นฝั่ง หากจะลงได้ต้องจ่ายหัวละ 50 บาทสร้างความไม่พอใจแก่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ โดยผู้เก็บเองก็ไม่ชี้แจงว่านำเงินไปไหน บอกเพียงว่าเก็บค่าจอดเรือเทียบชายหาดเท่านั้น พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผล จึงอยากให้ คสช.รับทราบและแก้ปัญหา เพราะปกติแล้วเรือทุกลำจะจอดเทียบที่โป๊ะ แต่ทราบจากอุทยานแห่งชาติตุรุเตาว่า โป๊ะเสียและส่งซ่อม เรือท่องเที่ยวจึงจำเป็นต้องเทียบท่า แต่ที่เป็นประเด็นกังขาคือ ชาวเลในพื้นที่มีหลายคนไม่เห็นด้วยกับชมรมเรือหางยาวกลุ่มดังกล่าว แม้แต่ในช่วงที่มีโป๊ะรองรับเรือก็ตาม รายได้ที่เรือหางยาวเรียกเก็บนักท่องเที่ยวในราคา 50 บาทต่อหัว ชาวเลบางส่วนยืนยันว่ารายได้จากตรงนั้น คนขับเรือไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย กลุ่มผู้ประกอบการจึงไม่วางใจชายกลุ่มดังกล่าว และเกรงว่าจะเป็นกลุ่มอิทธิพลที่อ้างตัวว่าเป็นชาวบ้านและท้องถิ่นเข้ามาหากินไม่สุจริต ต้องการให้ คสช.ตรวจสอบความโปร่งใสของเงินค่าเรือ

“ชาวบ้านเกาะหลีเป๊ะอ้างว่าเป็นชมรมเรือหางยาวไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นเกาะ ซึ่งโดยสภาพที่อากาศมีคลื่นมีฝนนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องรีบขึ้นเกาะ ถ้ามีโป๊ะเราจะให้นักท่องเที่ยวถ่ายจากโป๊ะลงเรือหางยาวแล้วขึ้นเกาะ ณ ปัจจุบันตอนนี้ไม่มีโป๊ะ เรือจึงเข้าจอดหาด นักท่องเที่ยวบ่นมาว่ามาบังคับนักท่องเที่ยวหากไม่จ่ายคนละ 50 บาทจะไม่ให้ขึ้นเกาะเก็บไปทำไมในเมื่อคนที่เก็บไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วยังบังคับเรียกเก็บเงิน จังหวัดเองก็แก้ไขไม่ได้ เรือเหมายังต้องจ่ายลำละ 1 พันบาท ถ้าไม่จ่ายก็จะไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นเกาะ นี่เป็นปัญหาที่นักท่องเที่ยวร้องเรียนทุกวัน กลุ่มบริษัทเรือก็พยายามแก้ปัญหากันว่าจะให้หน่วยราชการแร่งแก้ปัญหา เงินที่เก็บแต่ละวันคนละ 50 บาทนั้น เก็บไปไหน แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะวันละ 1,000-2,000 คน รายได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ตรงนี้เก็บไปทำอะไร อยากวิงวอนให้เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขปัญหานี้จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหลีเป๊ะได้”นายไกรวุฒิ กล่าว

นายไกรวุฒิกล่าวว่า สำหรับหนังสือที่ยื่นนั้นคือข้อเสนอให้ยุบชมรมเรือหางและให้มีการดำเนินการตรวจสอบกลไกการดำเนินการ ระบบบัญชีรายได้ที่ผ่านมาและให้มีการดำเนินการกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่มีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางร่วมด้วย กลุ่มเรือฯต้องชี้แจงว่าตั้งมาถูกต้องหรือไม่เงินที่รับไปทำอะไรบ้าง”นายไกรวุฒิ กล่าว

นายไกรวุฒิ กล่าวด้วยว่า ในระหว่างที่กลุ่มผู้ประกอบการมาร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมนั้น ได้มีหน่วยงานความมั่นคงบางส่วนเข้าไปในพื้นที่และพยายามไปไกล่เกลี่ยกับชาวบ้านพร้อมจะจัดฉากให้เกิดการเชิญประชุม และส่งหนังสือมาตามภายหลัง แต่ตนก็เดินทางไปร่วมไม่ได้เพราะขณะนั้นกลุ่มผู้ประกอบการมายังศูนย์ดำรงธรรมแล้ว จึงไม่มีความหมายจะไปจัดประชุมเร่งด่วน ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าเรื่องชมรมเรือหางยางบนเกาะหลีเป๊ะ มีบางอย่างที่ซับซ้อน การนัดประชุมเจรจาไม่พอแต่ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพราะหากรายได้จากเรือหางยาวนั้นสู่ชุมชนอย่างโปร่งใสเหตุใดชาวเลบางส่วนจึงยังมีปัญหาคุณภาพชีวิต คสช.ต้องค้นและสืบให้ได้ว่า รายได้ส่วนนี้แท้จริงแล้วใครได้มากที่สุด ถ้าหากพบเจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ และผู้นำท้องถิ่นคนใดมีส่วนได้ส่วนเสีย ก็ควรหยุดวงจรนั้นเพราะคนขับเรือที่เจตนาดีเขาไม่ได้อะไร จากเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าว
////////////////////////////////