รัฐมนตรีประจำรัฐมอญ ดร.เอซาน ได้ออกมาประกาศว่า กำลังดำเนินการให้เมืองเยนั้นมีไฟฟ้าใช้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ภายในเดือนพฤศิกายนปีหน้า โดยรับปากจะใช้เวลาดำเนินการภายใน 18 เดือนเพื่อให้ทุกหมู่บ้านในเมืองเยมีไฟฟ้าใช้ ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งสุดท้ายในรัฐมอญที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่ข่าวนี้ได้สร้างความยินดีให้กับประชาชนในพื้นที่กันถ้วนหน้า
นายอูตานโซ ประชาชนจากเมืองเย เปิดเผยว่า ชีวิตของผู้คนในเมืองเยจะง่ายและสะดวก รวมถึงปลอดภัยมากขึ้นหากมีไฟฟ้าใช้ โดยเขายังหวังว่า เมื่อมีไฟฟ้าใช้แล้ว จะมีการติดตั้งหลอดไฟตามทางหลวง เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยเพราะไม่มีหลอดไฟคอยให้แสงสว่างกับผู้ที่สัญจรไปมา ขณะที่การประกาศของรัฐมนตรีประจำรัฐมอญที่จะให้เมืองเยมีไฟฟ้าใช้ทุกพื้นที่นั้นได้สร้างความยินดีให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านบางส่วนได้ออกมาร้องเรียนว่า ขณะนี้ไฟฟ้าที่พวกเขาซื้อมาจากบริษัทเอกชนนั้นมีราคาที่สูงเป็น 6 เท่า เมื่อเที่ยบกับพื้นที่อื่นๆของรัฐมอญที่ใช้ไฟฟ้าของรัฐ โดยพวกเขาต้องจ่ายค่าไฟฟ้าถึงหน่วยละ 210 หรือ 220 จั้ต(ประมาณ 5-6 บาท) โดยชาวบ้านอย่างนางดอว์ซาจี กล่าวว่า ต้องการที่จะใช้ไฟฟ้าจากทางรัฐและจ่ายค่าไฟในราคาที่เหมือนกับชาวบ้านในพื้นที่อื่นๆของรัฐมอญ ที่จ่ายค่าไฟเพียงหน่วยละ 35 จั้ต(ประมาณ 0.89 บาท) เท่านั้น
มีรายงานด้วยว่าประชาชนจากหมู่บ้านอะบ่อ ดู่ยา ซีผิ่วถ่อง และหมู่บ้านอะสิ่น รวมถึงในตัวเมืองเยได้ซื้อไฟฟ้าจากบริษัทที่ชื่อว่า บริษัทเมียต ทุระ ทุน(Myat Thura Htun) ได้คิดค่าไฟถึงหน่วยละ 400 จั้ต (10 บาท) เมื่อเร็วๆนี้ รัฐสภาในรัฐมอญยังอนุญาติให้อีก 2 บริษัทอย่างบริษัท Bedok Construction & Engineering Co. Ltd และบริษัท The Southeast General Energy and Power Co. Ltd (SEGEP) เข้ามาขายไฟฟ้าให้กับคนในเมืองเย และถึงแม้ทางรัฐมนตรีจะรับปากให้คนในเมืองเยมีไฟฟ้าใช้ เมื่อสอบถามว่าชาวบ้านในเมืองเยจะได้ใช้ไฟฟ้าในราคาถูกเช่นเดียวกับชาวบ้านในพื้นที่อื่นๆของรัฐมอญเมื่อไหร่นั้น ทางรัฐมนตรีประจำรัฐมอญก็ยังตอบเรื่องนี้ไม่ได้
และถึงแม้ในพื้นที่เมืองเยนั้นจะยังไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่เมื่อรัฐบาลและนายทุนต่างชาติจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ก็ถูกคัดค้านอย่างหนักจากคนในเมืองเย แม้รัฐบาลจะพยายามเสนอติดตั้งไฟฟ้าหรือบริษัทนายทุนที่จะเข้ามาดำเนินโครงการเสนอจ่ายเงินชดเชยให้ก็ตาม คนในเมืองเยนั้นได้แสดงจุดยืนพร้อมใจกันไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะสร้างขึ้นที่หมู่บ้านอังแตง เหมือนเหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2558 ที่ประชาชนกว่า 5 พันคนออกมาประท้วงต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะกังวลว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินจะกระทบต่อวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ขณะที่พื้นที่ตั้งของโครงการยังเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่งของรัฐมอญ
ที่มา Mon News Agency
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ
