เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 สามเณรซาแหม่ หรือ เณรโอ้ (ไม่มีนามสกุล) อายุ 22ปี ชาวกะเหรี่ยงอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากกรณีที่ตนประสบปัญหาถูกจำหน่ายบัตรประจำตัวผู้ซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรเลข 6) ทำให้เป็นอุปสรรคในการยื่นขอสัญชาติไทย ตนจึงตัดสินใจร้องเรียนต่อสื่อมวลชนนั้น เมื่อวานนี้ (30 พฤษภาคม) ตนได้รับบัตรประจำตัวและเลข 13 หลักกลับคืนมาแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อประสานงานมายังตนและเรียกให้ไปแสดงตัวเพื่อขอรับบัตรประจำตัวแล้ว
“ได้มาแบบไหนก็ยังไม่รู้ แต่ได้มาเร็วก็ดีใจแล้ว เพราะร้องเรียนไปหลายรอบ และโล่งใจไปบ้างที่ผ่านขั้นนี้มาได้ ต่อไปจะไปหาพยานไปยืนยันการเกิด บางครั้งเวลาไปถามหาความช่วยเหลือบ่อยๆ ก็เกรงใจเจ้าหน้าที่เช่นกัน หวังว่าจะผ่านไปได้ ยังไงขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือทุกขั้น” สามเณรซาแหม่ กล่าว
นายวีนัส สีสุข ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารงานทะเบียน สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กล่าวว่า กรณีการจำหน่ายบัตรของเณรนั้นอาจจะเป็นเพราะความล่าช้าของเจ้าหน้าที่และการบกพร่องบางอย่าง แต่จริงๆแล้วการจำหน่ายบัตรนั้นข้อมูลของผู้มีเลขประจำตัว 13 หลักจะไม่หายไปไหน เพราะข้อมูลยังอยู่ครบเพียงแต่ต้องออกบัตรประจำตัวใหม่ เช่นมีบางช่วงที่ทางกรมฯ จะสำรวจข้อมูลบุคคลแล้วประกาศให้บุคคลผู้ซึ่งไม่มีสัญชาติไทยมาแสดงตัวโดยนำทะเบียนประวัติมา บางคนจะมาพร้อมบัตรหลากสี เพื่อมาเปลี่ยนเป็นบัตรใหม่ แต่บางคนไม่มา หรือมาช้าก็อาจจะทำให้ถูกจำหน่ายชั่วคราว ทั้งนี้หากมีทะเบียนประวัติอยู่ย่อมนำไปยื่นเรื่องดำเนินการได้
“ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่อาจจะทำงานยึกยักไปบ้าง แต่กรณีเณรไม่ใช่เรื่องยาก แต่ปัญหาของคนกลุ่มน้อย บุคคลบนพื้นที่สูงนี้มีแทบทุกที่ คือ มีผู้คนมาแสดงตัวบ้าง ไม่มาบ้าง การจำหน่ายไม่ได้เลวร้ายเสมอไป หากมีเอกสารมาครบก็มาได้ ทีนี้กรณีการจำหน่ายบัตรทั่วประเทศตอนนี้ก็เป็นหมื่นราย ถือว่ามากพอสมควร แต่ไม่อยากให้คนถูกจำหน่ายตกใจ ถ้าได้บัตรมาโดยถูกกฎหมายและหากคนๆนั้นเป็นคนที่รัฐบาลดูแล มีประวัติ มีที่อยู่ ชัดเจน อันนี้แก้ไขได้ ต้องเข้าใจก่อนว่าบุคคลถือบัตรเลข 6 นั้นมีทั้งบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทยและบุคคลที่เข้ามาในไทยภายหลัง การขอสัญชาติไทยจะแตกต่างกันไป แต่อย่างน้อยหากไม่มีบัตรเลข 6 ก็ต้องหาหลักฐานมาขอออกบัตรก่อน” นายวีนัสกล่าว
นายวีนัส กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีเณรนั้น เณรยืนยันว่าเกิดในประเทศไทยแนะนำว่าให้เณรไปหาหลักฐาน พยานแล้วไปแจ้งเกิดที่อำเภอก่อน เพื่อขอหลักฐานเช่น หนังสือรับรองการเกิด จากนั้นค่อยดำเนินเรื่องขอสัญชาติไทยต่อไป โดยปัจจุบันนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติและสั่งให้ลงรายการสัญชาติไทยสําหรับผู้ขอมีสัญชาติไทยได้ โดยของเณรนั้น หากยืนยันและพิสูจน์ได้ว่าเกิดที่ประเทศไทยจริง สามารถขอมีสัญชาติได้ตามมาตรา ๗ ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม. ) 7 ธันวาคม 2559 ซึ่งเปลี่ยนจากอำนาจของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด และบุคคลอื่นที่เข้าข่ายกรณีเดียวกับเณรก็สามารถยื่นขอได้เช่นกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://transbordernews.in.th/home/?p=16805
////////////////////////////////