เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560 สำนักข่าว Karen Information Center (KIC) รวมถึงสำนักข่าว Democratic Voice of Burma (DVB) รายงานว่า บ้านของชาวบ้านทีโพโกล ในตำบลแม่กะ เมืองเมียนจีหงู่ จังหวัดพะอัน 4 หลังถูกรื้อถอนภายใต้คำสั่งของพระอุทุสะนะ หรือที่รู้จักกันในนาม เมียนจีหงู่ ส่าหย่าด่อ พระนักกิจกรรมซึ่งเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย หรือที่รู้จักในนามกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ หรือ DKBA(Democratic Karen Buddhist Army) เมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก
นายซอ ตานอ่อง หนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า ตอนนี้มีบ้าน 4 หลังถูกรื้อถอนเสร็จแล้ว ประกอบด้วยอาคารตึก 2 ชั้น 2 หลัง, บ้านปูนชั้นเดียว 1 หลัง และบ้านไม้หนึ่งหลัง โดยพระอุทุสะนะได้ชี้แจงชาวบ้านว่าทำไปเพราะมีความจำเป็นต้องขยายถนนและบ้านของชาวบ้านอยู่ในแนวถนนที่ต้องทำการขยาย ซึ่งเพียงชั่วโมงเดียว บ้าน 4 หลังถูกรื้อถอนจนหมดโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้ากับเจ้าของบ้าน ทั้ง ๆ ที่พวกตนมีลูกเล็กและช่วงนี้เป็นฤดูฝน เขาทำแบบนี้เขาไม่คิดถึงและไม่เห็นใจชาวบ้านเลย
นายซอ ตานอ่องกล่าวว่า พระอุทุสะนะได้ลงมาดูพื้นที่รื้อถอน และแจ้งกับชาวบ้านว่าบ้านที่ถูกรื้อถอนจะมีการชดเชยให้หลังละ 1 ล้านจ๊าต(ราว 2.5 หมื่นบาท) แต่ในความเป็นจริงบ้านแต่ละหลังที่สร้างมีมูลค่าสูงถึง 4 ล้านจ๊าต(1 แสนบาท)ส่วนบ้านที่จะถูกรื้อถอนเพิ่มเติมหลังออกพรรษานี้ยังไม่มีการแจ้งรายละเอียดการดำเนินการให้ทราบแต่อย่างใด
ขณะที่นายซอ ดอ หน่า ชาวบ้านอีกรายหนึ่งซึ่งบ้านอยู่ในแนวขยายถนน แต่ยังไม่ถูกรื้อถอนเปิดเผยว่า ตนได้ขอความเห็นใจจากพระ เพราะช่วงนี้อยู่ในฤดูฝน และตนมีลูกเล็ก พระอุทุสะนะ จึงแจ้งว่าจะหยุดดำเนินการชั่วคราว แต่ออกพรรษานี้จะกลับมาทำการรื้อถอนให้เสร็จทั้งหมด
“ที่ผ่านมาเคยได้ยินว่าพระมีแนวคิดจะขยายถนน และจะรื้อบ้านทั้งหมดที่อยู่ริมถนนออก แต่ไม่มีผู้นำชุมชนคนใดรู้รายละเอียด และคิดว่าเป็นเพียงข่าวลือ แต่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เราก็ไม่สบายใจ สงสารคนที่บ้านถูกรื้อแล้ว จะคุยกันยังไงเราก็ไม่กล้าที่จะพูด” นายซอ ดอ หน่า กล่าว และว่าโครงการขยายถนนจากเมืองพะอัน-เมืองเมียนจีหงู่-หมู่บ้านทีโพส่อ เป็นโครงการส่วนตัวของพระอุทุสะนะ จากเดิมที่เป็นถนนสองเลน มีแผนขยายเป็นถนน 6 เลน ความกว้างถนน 528 ฟุต หรือประมาณ 160 เมตร
นายอู มยิต โท กำนันตำบลเมืองพะอัน กล่าวว่า การดำเนินโครงการของพระอุทุสะนะนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีการดำเนินการขออนุญาต และทำความเข้าใจชาวบ้านตามขั้นตอน พระอุทุสะนะ ได้แจ้งหน่วยงานท้องถิ่นเมื่อเริ่มดำเนินการแล้ว
“จากการลงสำรวจพื้นที่พบว่ามีบ้านอีก 19 หลัง และโรงเรียนประถม 1 แห่ง ที่อยู่ในแผนการรื้อถอน จากนี้ไปการดำเนินการต้องกลับมาอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย แต่ในการสำรวจพื้นที่พบว่ามีชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการขยายถนนนี้ และชาวบ้านส่วนหนึ่งสนับสนุนการดำเนินโครงการของพระรูปนี้อยู่” นายอู มยิต โท กล่าว
ทั้งนี้ถนนสายเมืองพะอัน-เมืองเมียนจีหงู่-หมู่บ้านทีโพส่อ เป็นถนนสายหลักในการเข้าพื้นที่หัวงานเขื่อนฮัตจี ซึ่งลงทุนโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และเมืองเมียนจีหงู่ เป็นท่าเรือสำคัญในการขนถ่ายอุปกรณ์ส่งไปยังไซต์งานก่อสร้างเขื่อนฮัตจี และยังสามารถตัดถนนเชื่อมไปยังพื้นที่หัวงานเขื่อนได้โดยตรงหากไม่มีภาวะสงครามภายใน
นายซอ โพ ซี นักกิจกรรมสิ่งแวดล้อมชาวกะเหรี่ยงที่ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งเนื่องจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวชายขอบว่า การดำเนินการลักษณะนี้ของพระอุทุสะนะ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ หากย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2558 พื้นที่ที่เกิดเหตุก็ได้มีการดำเนินการลักษณะนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ในครั้งนั้นไม่มีรายงานข่าวออกมาแต่อย่างใด และหากย้อนกลับไปดูในปี พ.ศ. 2550 พระอุทุสะนะได้มีการสร้างถนนตัดผ่านหมู่บ้าน และพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน จากเมืองเมียนจีหงู่มายังบ้านแม่ตะวอ ชายแดนประเทศไทยตรงข้ามอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก โดยไม่มีการจ่ายค่าชดเชยใด ๆ และให้ชาวบ้านถือว่าเป็นการทำบุญกับพระเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
นายซอ โพ ซีกล่าวว่า หากวิเคราะห์ตามสถานการณ์และภูมิศาสตร์แล้ว ถนนทั้ง 2 สายถูกเชื่อมจากพื้นที่หัวงานเขื่อนฮัตจี ออกมาเชื่อมกับประเทศไทยบริเวณบ้านแม่ตะวอ อำเภอท่าสองยางจังหวัดตาก และการขยายถนนที่กำลังเป็นข่าวนี้ถูกเชื่อมกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งกลุ่มผู้ที่ติดตามสถานการณ์การดำเนินงานของโครงการเขื่อนฮัตจี โดยกฟผ. เชื่อว่า ถนนทั้ง 2 สายนี้เป็นการเตรียมความพร้อมในการการดำเนินการจะก่อสร้างเขื่อนฮัตจี และจากการลงสำรวจพื้นที่ แนวถนนบ้านแม่ตะวอไปยังเมืองเมียนจีหงู่ เมื่อปี พ.ศ. 2558 พบมีการปักหลักหมุดของ EGAT หรือ กฟผ.ไว้ ซอ โพ ซี กล่าว
อนึ่งพระอุทุสะนะ เป็นพระผู้นำทางจิตรวิญาณ ของกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ DKBA และเป็นแกนนำหลักในการดึงทหารกะเหรี่ยง KNU ที่นับถือศาสนาพุทธ แยกตัวจากสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า จนเป็นเหตุให้กองบัญชาการใหญ่มาเนอปลอของ KNU ตรงข้ามอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ของประเทศไทย ถูกตีแตกและล่มสลายในช่วงปลายปี พ.ศ. 2536
ทั้งนี้บทบาทของพระอุทุสะนะยังถูกวิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดียช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559 จากกรณีการพาคณะศรัทธาเข้าไปบุกรุกสร้างเจดีย์ ในโบสถ์คริสต์ 2 แห่ง และมัสยิต 1 แห่ง ในหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเมียนจีหงู่
————–