เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(กปร.) ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ป่าต้นน้ำเขาเหมน-วังหีบ และสมัชชา 9 เขื่อน 1 แม่น้ำนครศรีธรรมราช เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และนายดนุชา สินธวานนท์เลขาธิการ กปร. เพื่อขอให้ตรวจสอบการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในโครงการทบทวนแผนการจัดการน้ำ และโครงการเขื่อนในจังหวัดนครศรีธรรมราช และให้มีการทบทวนโครงการฯ

นางนงลักษณ์ ผาสุข ชาวบ้านตำบลนาหลวงเสน อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่กำลังมีความสับสนและกังวลใจต่อการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองวังหีบเนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร และกรมชลประทานเริ่มเข้าไปสำรวจในพื้นที่เป้าหมาย ทั้งในเขตที่ดินของชาวบ้านและเขตป่าสงวน มีการนับจำนวนต้นไม้ของชาวบ้าน โดยไม่ชี้แจงข้อมูลและกระบวนการดำเนินการ ซึ่งเป็นเหตุให้ชาวบ้านรู้สึกถึงความไม่ชอบธรรม จึงรวมตัวคัดค้านและไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจ เนื่องจากเห็นว่าการสร้างเขื่อนส่งกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม จึงต้องการให้มีการชะลอการดำเนินการ เพื่อทบทวนแผนการจัดการน้ำนี้ใหม่ พร้อมให้ชุมชนที่ได้รับผลกระทบเข้าไปมีส่วนร่วมในการกระบวนการจัดทำแผนฯ ตามที่เคยยื่นเป็น้อเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
ด้านนายวันชัย คลองสังข์ ชาวบ้านตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งอาศัยอยู่อยู่ในพื้นที่โครงการเขื่อนคลองสังข์ กล่าวว่า ชะตากรรมของชาวบ้านกำลังจะซ้ำรอยเหมือนเมื่อ 19 ปีก่อน ที่พวกตนต้องอพยพย้ายชุมชนหนีการสร้างเขื่อน จากอำเภอพิบูลย์มาเริ่มต้นตั้งหมู่บ้านใหม่ที่นี่ วันนี้ชาวบ้านกำลังจะถูกไล่อีกครั้งโดยที่ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะไปทางไหน เพราะปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้นำเอกสารคำขอสละสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก. มาให้ชาวบ้านลงชื่อโดยพับหัวเอกสารและไม่ได้อธิบายว่าเป็นการคืนสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก. ให้แก่รัฐ โดยมีชาวบ้านลงชื่อไปถึง 179 รายจากผู้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. ทั้งหมด 335 ราย ซึ่งภายหลังเมื่อชาวบ้านทราบว่าเอกสารนั้นคือคำขอสละสิทธิ์จึงได้ไปชี้แจง ส.ป.ก. จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถถอนคำขอดังกล่าวได้ และเรื่องได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาแล้ว จึงทำให้ชาวบ้านวิตกกังวลอย่างมากว่าจะต้องสูญเสียบ้านและที่ดินทำกิน
“ผมไม่ยอมเซ็นชื่อเพราะสงสัยว่าคืออะไร จึงไปแอบดึงเอกสารออกมาอ่าน เลยรู้ความจริงจึงได้บอกกับชาวบ้านว่ากำลังถูกหลอกให้คืนที่ส.ป.ก. แต่ก็มีอีก 179 รายที่เซ็นชื่อ พอเราขอคืนเอกสารจากเจ้าหน้าที่เขาก็ไม่ยอม แล้วถามว่าจะให้ย้ายไปที่ไหนหรือ จะจัดสรรที่ดินใหม่อย่างไร เขาก็บอกว่าไม่มีการจัดสรรให้ใหม่ แบบนี้ชาวบ้านจะไปอยู่ที่ไหน เพราะที่ตรงนี้ก็เป็นทั้งบ้านและที่สวนของพวกเรา นี่เราหนีเขื่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว ยังต้องมาหนีอีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนเครียดหนัก ถึงขนาดเครียดตายไปแล้ว 1 ราย” นายวันชัยกล่าว