
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2560 ณ ที่ว่าการอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ นายอำเภอสะเมิง ได้เป็นประธานจัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยชาวบ้านจากอำเภอสะเมิงกว่า 100 คน เพื่อหารือถึงการเตรียมการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ(อช.)ออบขาน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 21 พื้นที่ ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ออกประกาศเตรียมการเมื่อปี 2558
นายสรศักดิ์ เสนาะพรไพร เลขาธิการสมาพันธ์ชาวกะเหรี่ยงแห่งสยาม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า ข้อสรุปที่ชัดเจนจากการประชุม คือ นายอำเภอสะเมิง เตรียมตั้งคณะทำงานศึกษาเรื่องข้อมูลทำแนวเขตประกาศอุทยานแห่งชาติ 2 ชุด คือ คณะทำงานระดับอำเภอ โดยมีนายอำเภอเป็นประธาน และคณะทำงานระดับตำบลและเทศบาลมีปลัดอำเภอส่วนการปกครอง เป็นประธาน ซึ่งนายอำเภอจะลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานโดยเร็วที่สุด ก่อนจะมาสำรวจข้อมูล-ข้อเท็จจริงและศึกษาแนวเขตในพื้นที่ป่าออบขาน อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าการประกาศเขตอุทยานฯ ยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ และหวังว่าคณะทำงานจะมีการศึกษาข้อเท็จจริงที่ละเอียด และเล็งเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่พึ่งพาป่าออบขาน
ด้านนายตาแย๊ะ ยอดฉัตรมิ่งบุญ ปราชญ์ชาวปกาเกอะญอ อำเภอสะเมิง กล่าวในการประชุมว่า ชาวบ้านที่อยู่ในป่าช่วยกันรักษาและใช้ประโยชน์จากป่าอย่างรู้คุณค่าและมีการแบ่งพื้นที่ป่าตามรูปแบบการใช้งาน เช่น ป่าใช้สอย ป่าความเชื่อ ป่าอนุรักษ์ ฯลฯ โดยเชื่อว่าการแบ่งป่าเป็นพื้นที่ที่ชัดเจนเช่นนี้เป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้ชุมชนอยู่อาศัยกับป่าได้ยาวนาน และไม่เห็นด้วยกับการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ เพราะกฎหมายอุทยานฯ อาจจะทำลายวิถีชาวบ้านและแยกชาวบ้านออกจากป่าได้
ขณะที่นายพฤ โอ่โดเชา ตัวแทนชาวปกาเกอะญอ อำเภอสะเมิง กล่าวระหว่างการประชุมว่า ตนคัดค้านการประกาศเขตอุทยานทับที่ชุมชนอย่างถึงที่สุด และส่วนตัวคิดว่ากฎหมายอุทยานฯ ค่อนข้างเข้มงวด ซึ่งปัจจุบันเห็นชัดเจนว่าชาวบ้านธรรมดาหาฟืน หาเห็ด ถูกจับกุมดำเนินคดีทั่วประเทศ และหลายครั้งที่ได้ยินชาติพันธุ์ต่างที่พึ่งพาป่า ทำไร่หมุนเวียนบนเขา ถูกกฎหมายเล่นงาน และถูกละเมิดจากเจ้าหน้าที่รวมทั้งความไม่ยุติธรรมจากการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ หรืออย่างอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก วันนี้ชาวบ้านก็ลุกขึ้นมาประท้วงเรื่องที่ถูกเจ้าหน้าที่ห้ามใช้พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดังนั้นการประกาศเขตอุทยานฯ ที่มุ่งหวังจะแค่อนุรักษ์ป่าอย่างเดียว ไม่คิดถึงชีวิต ความเป็นอยู่ชาวบ้าน ไม่มีอะไรมารับรองว่าจะไม่ถูกย้าย ถูกไล่รื้อ ทางออกเรื่องนี้จึงคิดว่าควรประกาศเป็นป่าชุมชน หรือรอการผลักดันพระราชบัญญัติ (พรบ.) ป่าชุมชนแล้วเสร็จ แล้วนำมาใช้จะเหมาะสมกว่า เพราะพระราชบัญญัติอุทยานฯ ไม่มีช่องทางใดให้ชาวบ้านทำกินและอยู่อาศัยได้ดีนัก จึงอยากให้คณะทำงานมาสำรวจพื้นที่อย่างจริงจังและมองให้ออกว่า ป่าออบขานยังสมบูรณ์และพื้นที่ไร่หมุนเวียนชาวบ้านก็ถูกแยกออกมาจากป่าอนุรักษ์ชัดเจน
“หน้าหนาวก็ว่าบุกรุกเผา แผ้วถางบ้างละ ไปหาฟืนก็บอกตัดไม้ วันนี้คุณประกาศไป เราอาจจะยังอยู่ แต่ต่อไป 5 ปี 10 ปี เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเราไม่ถูกไล่ ไม่ถูกลอยแพ หรือละเมิด ถ้าเกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ ผมไว้ใจท่านๆ นะครับที่บอกว่าจะพยายามกันแนวทำกิน แต่พอถึงเวลาเปลี่ยนคนบริหาร นโยบายเปลี่ยน บางทีชาวบ้านก็ซวยแล้วใครจะมาเห็นใจเรา เพราะตอนนี้คนถูกจับข้อหาบุกรุก สร้างบ้าน บุกรุกเพาะปลูกทำกินในเขตป่าโดนเล่นงานเยอะแยะไป” นายพฤ กล่าว
วันเดียวกันที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภออุ้มผาง จังหวัดตากชาวบ้านหลายตำบลนับร้อยคน รวมตัวถือป้ายประท้วงเรียกร้องให้ย้ายนายมงคล คำสุข หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางออกนอกพื้นที่เนื่องจากไม่พอใจ ที่หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางสั่งห้ามชุมชนใช้ประโยชน์จากพื้นที่และมีการจับกุมชาวบ้านหลายครั้งโดยไม่ประนีประนอม ทั้งๆ
ที่ก่อนหน้านี้ชาวบ้านให้ความร่วมมือลดขนาดการทำไร่ข้าวโพดและหันมาปลูกกาแฟตามข้อตกลงแล้ว แต่ยังถูกจับกุมอีก
ทั้งนี้จากข้อมูลกรมอุทยานฯ ระบุถึงนโยบายว่าด้วยการประกาศพื้นที่ป่าอุทยานฯเพิ่มอีก 21 แห่งทั่วประเทศ รวมกันกว่า 5 ล้านไร่ ประกอบด้วย 1.อช.ถ้ำสะเกิน น่าน 2.อช.ขุนสถาน น่าน 3.อช.นันทบุรี น่าน 4.อช.แม่ตะไคร้ เชียงใหม่ 5.อช.ดอยเวียงผา เชียงใหม่ 6.อช.ออบขาน เชียงใหม่7.อช.แม่โถ เชียงใหม่ 8.อช.ถ้ำผาไท ลำปาง 9.อช.ดอยจง ลำปาง 10.อช.ลำน้ำกก เชียงราย 11.อช.แม่เงา แม่ฮ่องสอน
12.อช.น้ำตกพาเจริญ ตาก 13.อช.แก่งเจ็ดแคว พิษณุโลก 14.อช.น้ำตกเจ็ดสาวน้อย สระบุรี 15.อช.นายูง-น้ำโสม อุดรธานี 16.อช.หาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ นครศรีธรรมราช 17.อช.ธารเสด็จ-เกาะพะงัน สุราษฎร์ 18.อช.อ่าวมะนาว-เขาตันหยง นราธิวาส 19.อช.สันกาลาคีรี สงขลา20.อช.น้ำตกธีโป นราธิวาส 21.อช.อ่าวสยาม ภูเก็ต
//////////////////////