
วานนี้ (26 สิงหาคม) ทางการพม่าได้ออกแถลงการณ์รายงานสถานการณ์ในรัฐอาระกัน ระบุกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญาได้ทำการเผาทำลายร้านค้าและอาคารในเมืองมงดอว์ได้รับความเสียหาย 88 หลัง รวมทั้งยังเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วยอาวุธมีดและระเบิด มีรายงานเด็กถูกฆ่าเสียชีวิต 1 ราย และมีชายได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย นอกจากนี้สำนักงานกองบัญชาการทหารสูงสุดของพม่ายังเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้วิสามัญชายแต่งชุดดำที่ทำร้ายเด็กนักเรียนจำนวน 370 คนที่หนีเหตุความไม่สงบมาอาศัยอยู่ที่วัดในเขตต่องเพียว เมืองมงดอว์
ทั้งนี้ เหตุความไม่สงบเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเวลา 10.30 น.ของวานนี้ โดยกลุ่มผู้ที่ก่อความไม่สงบ ซึ่งสื่อพม่าใช้ชื่อเรียกว่า “กลุ่มก่อการร้ายเบงกาลี” ได้เริ่มเผาทำลายอาคารและสำนักงานของทางราชการในเมืองมงดอว์ และได้พยายามปิดล้อมเมืองมงดอว์เอาไว้ โดยยังทำลายสะพานและถนนเชื่อมไปยังเมืองมงดอว์ รวมทั้งพยายามเข้าไปในโรงพยาบาลในพื้นที่ จึงได้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ผู้ก่อความไม่สงบได้ทำร้ายชาวบ้านที่เป็นชาวฮินดูและชาวพื้นเมืองมโร (Mro) เป็นเหตุให้ชาวฮินดูเสียชีวิตอีก 1 ราย และมีชาวโมโรได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย โดยหลังเกิดเหตุโจมตีของกลุ่มก่อความไม่สงบ ทำให้ชาวฮินดูที่อาศัยอยู่ในเมืองมงดอว์ราว 500 คน ได้หนีไปหลบภัยอยู่ที่อื่น ก่อนหน้านี้ก็มีชาวบ้านหลายพันคนอย่างชาวยะไข่ได้อพยพหนีจากความรุนแรงในพื้นที่แล้ว
“เราได้ยินเสียงปืนใกล้กับเมืองมงดอว์ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับชุมชนเบงกาลี (โรฮิงญา) ได้หนีไปอยู่ที่อื่น” นายหม่องโท ชาวบ้านในพื้นที่เผย
ในแถลงการณ์ของรัฐบาลยังระบุว่า การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เป็นไปอย่างลำบาก ผู้ก่อความไม่สงบได้วางกับระเบิดในเมืองดอว์ไว้ โดยเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม รถของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับความเสียหายจากกับระเบิด นอกจากนี้ผู้ก่อความไม่สงบยังวางกับระเบิดบนถนนเชื่อมเมืองมงดอว์-เมียวอู-ติโอชานอีกด้วย
ขณะที่มีรายงานว่า โรงเรียนจำนวน 400 แห่งในเมืองมงดอว์และบูทีดองต้องปิดเรียนอย่างไม่มีกำหนด ข้าราชการครูต้องอยู่ที่สถานที่ปลอดภัยที่ทางการจัดไว้ให้ ส่วนข้าราชการบางส่วนได้เริ่มเดินทางออกจากในพื้นที่ที่เกิดเหตุความรุนแรงไปอยู่ที่เมืองชิตต่วย เมืองหลวงของรัฐอาระกัน ทั้งนี้ หลายเมืองทางเหนือของรัฐอาระกันหรือที่เกิดเหตุความรุนแรง ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมโรฮิงญา
ด้านพระอุส่านะ จากวัดนันทา เถ่า เปิดเผยว่า มีชาวบ้านที่หนีเหตุความรุนแรงมากกว่า 700 คนกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะด้านอาหาร
อีกด้านหนึ่ง มีรายงานชาวมุสลิมโรฮิงญาราว 1,000 คนได้พยายามเดินทางเข้าชายแดนบังกลาเทศ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ของบังกลาเทศสกัดไว้ โดยชาวบ้านเหล่านี้ก็พยามหนีความรุนแรงออกจากพื้นที่เช่นกัน
ด้านรัฐสภาพม่าได้มีการหารือและเรียกร้องให้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดปราบปรามจัดการกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในรัฐอาระกัน หรือรัฐยะไข่ และเรียกร้องให้คุ้มครองชาวยะไข่ในพื้นที่อย่างทั่วถึง ทั้งนี้กองทัพพม่าออกมาเปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ปะทุขึ้นล่าสุดแล้ว 89 คน เป็นกลุ่มติดอาวุธที่ก่อเหตุจำนวน 77 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยและทหารพม่าอีก 12 คน
ที่มา Irrawaddy/Eleven Media Group/Reuters
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ