
นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ ได้ออกมารณรงค์ให้ชาวพม่างดเคี้ยวหมากด้วยตัวเอง หลังจากพบว่า ในแต่ละปีนั้น มีผู้เสียชีวิตจำนวน 6 หมื่นรายจากโรคมะเร็งในช่องปาก โรงมะเร็งกล่องเสียง โดยถือเป็นโรคภัยอันดับหนึ่งที่คร่าชีวิตผู้คนชาวพม่ามากที่สุด โดยทางการพม่ามีแผนรณรงค์ในทั่วประเทศเพื่อให้ประชาชนเลิกเคี้ยวหมากผ่านทางสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุเป็นต้น โดยยังมีแผนมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเยาวชนที่เริ่มจะหันมาเคี้ยวหมาก โดยที่ผ่านมาได้ให้ความรู้ตามสถานที่ราชการและสถานศึกษาต่างๆ
จากข้อมูลของสาธารณสุขพม่าเผยว่า ผู้เสียชีวิตในพม่ามากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ได้เสียชีวิตจากโรคที่ไม่ติดต่อ โดยเฉพาะโรงมะเร็งในช่องปาก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเคี้ยวหมาก รวมถึงการใช้ยาสูบ สาธารณสุขพม่ายังเผยว่า สิ่งที่น่าตกใจคือ จำนวนผู้เสียชีวิตจากสาเหตุดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่นางซูจีระบุว่า เป็นปัญหาด้านสุขภาพที่ท้าทายสำหรับประเทศ ดังนั้นจึงอยากขอร้องให้ประชาชนเลิกเคี้ยวหมากหากต้องการมีสุขภาพที่ดี โดยทางการพม่ายังเปิดเผยว่า โครงการรณรงค์ให้ประชาชนเลิกเคี้ยวหมากถือเป็นแผนด้านสุขภาพระดับชาติของพม่าที่จะดำเนินการระหว่างปี 2560 ถึง 2564
ด้านดร.อูตานเส่ง ประธานมูลนิธิสุขภาพของประชาชน เผยว่า แผนรณรงค์จะมุ่งเน้นให้ประชาชนได้เห็นถึงอันตรายจากการเคี้ยวหมาก ซึ่งจะเป็นแผนด้านสุขภาพระยะยาว นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า อัตราการเสียชีวิตในพม่านั้นสูงมากเมื่อเทียบกับอัตราการเสียชีวิตในประเทศอื่น ๆ ที่มีรายได้น้อย โดยพบว่า มีประชาชนราว 30 เปอร์เซ็นต์ อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปได้เริ่มเคี้ยวหมาก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักมที่ทำให้เป็นโรคมะเร็งในช่องปาก โดยเป็นปัญหาระดับชาติและจะต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน
ขณะที่ทางการพม่าเผยอีกว่า จะมีการนำภาพผู้ป่วยมะเร็งในช่องปากมาเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนเห็นถึงอันตรายและเลิกเคี้ยวหมาก ซึ่งแผนรณรงค์เช่นนี้เคยใช้ได้ผลในประเทศไทยและประเทศอินเดียมาแล้ว ขณะที่วัฒนธรรมการเคี้ยวหมากในพม่านั้นได้สืบทอดกันมาตั้งแต่ในอดีต และยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน แม้แต่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยจะสามารถพบเห็นร้านหมากได้ทั่วทุกซอกมุมในพม่า วัฒนธรรมการเคี้ยวหมากกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนในพม่า โดยในแถลงการณ์ของรัฐบาลพม่ายังเผยว่า มีประชาชนมากกว่า 7 ล้านคนเคี้ยวหมาก หรือ กุนหย่า และใช้ยาสูบในแต่ละวัน
ที่มา Myanmar Times
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ