เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2560 ที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ(พ.ก.ร.) ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนชาวบ้านกว่า 100 คน จากทั่วประเทศที่รวมตัวในนามตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.หรือ พีมูฟ) เดินทางขอพบกับ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของพีมูฟ เพื่อทวงถามความคืบหน้าในการแก้ปัญหาของชาวบ้านตามที่เคยนำเสนอต่อคณะกรรมการฯ
ทั้งนี้ตั้งแต่เช้า 09.00 น. ชาวบ้านได้รอพบกับนายออมสินอยู่ที่หน้าทางเข้า กพร. โดยมีการชูป้ายที่มีข้อความระบุถึงความเดือนร้อนของชาวบ้านจากหลายพื้นที่ จากนั้นได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ว่านายออมสินไม่สามารถมาพบชาวบ้านได้เนื่องจากติดประชุม จึงมีการเจรจาว่าจะส่งตัวแทนมาพบกับชาวบ้าน
กระทั่งเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวแทนชาวบ้าน 15 คน เข้าพบกับนายพงษ์ชัย นิรมิตศรีชัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ห้องประชุม อาคาร ก.พ.ร.
นายจำนงค์ จิตนิรัตน์ ที่ปรึกษาพีมูฟ กล่าวว่า ชาวบ้านมาในวันนี้เพื่อทวงสัญญาที่นายออมสิน ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการแก้ปัญหาของพีมูฟ เคยรับปากจะแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ ให้แก่ชาวบ้าน โดยเฉพาะในการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งแรกเมื่อ 30 มีนาคม ที่มีมติให้ดำเนินการในหลายเรื่อง แต่ปัจจุบันเวลาผ่านไปกว่า 6 เดือนแล้ว คณะกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้น กลับไม่มีการจัดการประชุม ปัญหาจึงไม่มีความคืบหน้า จนชาวบ้านเดือดร้อน ถูกดำเนินคดี และถูกศาลตัดสินจำคุก
“ในระหว่างที่รอประชุมหรือการดำเนินการแก้ปัญหาของคณะกรรมการฯ ก็อยากให้ชะลอการดำเนินการจับกุมหรือดำเนินคดี หยุดทำลายขโมยพืชผลอาสินของชาวบ้าน แล้วเร่งประชุมภายใน 20 วัน โดยระหว่างนี้ก็ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปเก็บข้อมูลเพื่อนำมาเสนอในที่ประชุม” นายจำนงค์ กล่าว
นายประยงค์ ดอกลำไย ที่ปรึกษาพีมูฟ กล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่เดือดร้อนมาก เพราะไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาระดับนโยบาย แม้จะมีการตั้งคณะกรรมการฯ แต่ปรากฎว่ามีการจัดประชุมขึ้นเพียงครั้งเดียว ส่วนในพื้นที่นั้นชาวบ้านกำลังถูกกดดันหนัก จึงขอเสนอให้มีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าดังนี้ 1.กรณีนโยบายทวงคืนผืนป่า ให้ยุติการดำเนินคดีกับชาวบ้านและทบทวนแนวทางการปฏิบัติการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2.กรณีโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน 5 พื้นที่ ให้ปรับเงื่อนไขและเร่งรัดการดำเนินการ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านต้องรับภาระเช่าซื้อมากเกินไป 3.กรณีเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อ.แม่สอด จ.ตาก ให้เร่งดำเนินการจัดหาที่ดินทดแทนแก่ชาวบ้านทั้ง 6 ราย
นายประยงค์ กล่าวต่อว่า 4.กรณีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) จะต้องบรรจุระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดโฉนดชุมชนเป็นกลไกหนึ่งในการแก้ไขปัญหาที่ดิน และปรับระเบียบของ คทช.ให้สอดคล้องกันในลักษณะการจัดการที่ดินแปลงรวมโดยชุมชน 5.ให้สำนักนายกรัฐมนตรีออกหนังสือชี้แจงว่าปัญหากรณีต่างๆ อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ปัญหาของคณะกรรมการฯ เพื่อให้ชาวบ้านนำไปยืนยันต่อหน่วยงานในพื้นที่ และนำไปเป็นหลักฐานต่อพนักงานสอบสวน อัยการ และศาล ประกอบการดำเนินคดีหรือพิจารณาคดี
“คำสั่ง คสช.ถือว่าเป็นกฎหมาย แต่หน่วยงานมักจะอ้างระเบียบของหน่วยงานเข้าไปดำเนินการทวงคืนผืนป่ากับชาวบ้าน ทั้งที่คำสั่งคสช. 66/2557 ที่ให้ยกเว้นชาวบ้านคนจนที่อยู่มาก่อน ชาวบ้านมีที่ทำกินแปลงเล็กๆ ทำกินมาตั้งแต่บรรพบุรุษไม่ใช่นายทุน ล่าสุดอธิบดีกรมอุทยานฯ เพิ่งออกคำสั่งห้ามชาวบ้านตัดยาง พอกรมอุทยานแจ้งดำเนินคดี ตำรวจก็ไม่อยากส่งฟ้อง เพราะถูกดำเนินคดีทั้งหมู่บ้าน หากยอมออกหนังสือชี้แจงให้ ชาวบ้านจะได้นำไปยื่นเป็นหลักฐาน ตำรวจก็จะได้นำไปเป็นเหตุผลไม่ส่งฟ้อง อัยการก็อาจไม่สั่งฟ้อง ศาลก็อาจชะลอการตัดสินออกไปเพื่อให้การแก้ปัญหาเสร็จสิ้นก่อน” นายประยงค์ กล่าว
ด้านนายพงษ์ชัย นิรมิตศรีชัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อเสนอทั้งหมดจะนำไปเรียนต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะตนรับฟังปัญหาแล้วรู้สึกเห็นใจชาวบ้านที่ต้องเดือดร้อน ที่ผ่านมาแม้คณะกรรมการฯ จะไม่มีการเรียกประชุมแต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉย เพราะได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปดูปัญหาในพื้นที่แล้ว โดยระหว่างนี้ก็จะรวบรวมข้อมูลเสนอต่อคณะกรรมการฯ ก่อนมีการประชุมครั้งต่อไป ส่วนปัญหาเร่งด่วนนั้น จะมีการประสานไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีการชะลอการดำเนินคดีต่อชาวบ้านไว้ก่อน และเร่งดำเนินการโครงการโฉนดชุมชนนำร่อง รวมทั้งติดตามการแก้ปัญหาของชาวบ้าน 6 ราย ที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ส่วนการแก้ปัญหาในระดับนโยบายก็จะได้หารืออีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการฯ ที่จะมีการนัดวันประชุมที่แน่นอนอีกครั้งหลังจากได้หารือกับท่านรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้นางหนูเดือน แก้วบัวขาว ชาวบ้านจากหนองกินเพล อ.วาริณชำราบ จ.อุบลราชธานี เป็นตัวแทนชาวบ้าน 10 หมู่บ้าน หรือ 500 ครัวเรือน ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายพงษ์ชัย นิรมิตศรีชัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พ.อ.คฑาวุธ ขจรกิตติยุทธ ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อร้องเรียนกรณีถูกนายทุน 1 ราย ออกโฉนดที่ดิน 10,000 ไร่ ทับที่ดินชาวบ้าน
นางหนูเดือนกล่าวว่า ชาวบ้านต่อสู้เรื่องนี้มาหลายปี จนมีการยื่นฟ้องศาลปกครองจนมีคำตัดสินให้กรมที่ดินตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ของเอกชน และหากพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์มิชอบให้ดำเนินการเพิกถอน ปรากฏว่ากรมที่ดินได้สั่งให้สำนักงานที่ดินจังหวัดที่เป็นคู่กรณีกับชาวบ้านเป็นผู้ตรวจสอบ และมีผลว่านายทุนออกเอกสารสิทธิถูกต้องและขอยุติการตรวจสอบ แต่ชาวบ้านเห็นว่ากรมที่ดินดำเนินการไม่ถูกต้อง ควรให้หน่วยงานกลางเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ ทำให้ตอนนี้ชาวบ้านหลายรายถูกฟ้องขับไล่และกดดันให้ออกจากพื้นที่ ทั้งที่ชาวบ้านอยู่อาศัยทำมาหากินมาตั้งแต่รุ่น ปู่ ย่า ตา ทวด จึงอยากให้มีการเข้ามาตรวจสอบ
“เป็นไปได้อย่างไรที่นายทุนมีที่เป็นหมื่นไร่ และยังเอาไปออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน อยากให้รัฐบาลเข้ามาตรวจสอบว่าหากพบว่าเป็นการออกโดยมิชอบก็ควรเพิกถอนและคืนสิทธิ์ให้ชาวบ้าน เพราะตอนนี้ก็มีการเข้ามาเสนอขายที่ดินให้ชาวบ้าน เสนอว่าถ้ายอมจ่ายเงินก็จะถอนฟ้องบุกรุก กลายเป็นว่าชาวบ้านต้องยอมเสียเงินซื้อที่ดินของตนเองอย่างนั้นหรือ”
ทั้งนี้ในช่วงเย็นพีมูฟได้รับแจ้งว่านายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของพีมูฟ จะจัดประชุมคณะกรรมการฯ ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560
————————-