ทางการพม่าประกาศเมื่อวันจันทร์ (5 มี.ค.) ที่ผ่านมา กำหนดให้ค่าแรงขั้นต่ำเป็น 4,800 จั้ต (ประมาณ 112 บาท) ต่อวัน หรือคิดเป็นชั่วโมงละ 14 บาท ขณะที่ค่าแรงเดิมอยู่ที่ 3,600 จั้ต (84 บาท) ตั้งแต่เมื่อปี 2558 ด้านแรงงานพม่าระบุ ถึงแม้ค่าแรงขึ้น แต่ค่าครองชีพยังสูง ทำให้ความเป็นอยู่ของแรงงานชาวพม่าไม่ต่างจากเดิม โดยเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้สูงจนเกินไป อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ลูกจ้างและนายจ้างในพม่ายังคงไม่เห็นด้วยกับค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่งออกมาประกาศใช้ดังกล่าว
ทั้งนี้ นายอูเต็งส่วย รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน การย้ายถิ่นฐาน และประชากรของพม่าระบุว่า การกำหนดค่าแรงใหม่ได้รับความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกที่เป็นคณะกรรมการ อย่างไรก็ตามยอมรับว่า การกำหนดค่าแรงดังกล่าวจะไม่มีผลต่อสถานประกอบการที่มีลูกจ้างเพียง 10 คน หรือน้อยกว่า ทั้งนี้การกำหนดค่าแรงใหม่ได้รับการเสนอมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา จากค่าแรงเดิมที่ประกาศใช้มาตั้งแต่เดือนกันยายนของปี 2558 มีรายงานว่า ทั้งนายจ้างและลูกจ้างต่างก็ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดค่าแรงใหม่
ด้านนายจ้างและผู้ประกอบการออกมาเตือนว่า ค่าแรงใหม่อาจเป็นผลทำให้สถานประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางต้องปิดตัวลง ขณะที่เสียงสะท้อนจากนายจ้างโรงงานเสื้อผ้าอย่างนายอูขิ่นหม่องเอกล่าวว่า นายจ้างทั่วไปอาจไม่สามารถจ่ายค่าจ้างที่สูงขึ้นได้ เนื่องจากยังไม่สามารถทำกำไรได้จากการทำธุรกิจ ยกตัวอย่างธุรกิจของเขาที่การผลิตเสื้อผ้านั้นมีต้นทุนการผลิตที่สูงมาก และนายจ้างทั่วไปก็อาจจะยังไม่เต็มใจที่จะเพิ่มเงินเดือนให้ลูกจ้าง เนื่องจากต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ด้วยเช่น ค่าตอบแทนล่วงเวลา ค่าไฟฟ้า เป็นต้น
เช่นเดียวกับนายอูหน่ายอ่อง ตัวแทนจากแรงงานระบุว่า การขึ้นค่าแรงใหม่ไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของแรงงาน และค่าแรงยังเป็นอัตราค่าแรงปานกลางเท่านั้น อีกทั้งถึงแม้กำหนดค่าแรงเพิ่มขึ้น แต่ค่าครองชีพในชีวิตประจำวันยังสูง ทั้งนี้ค่าแรงในพม่าแม้จะขยับขึ้น แต่ค่าแรงและเงินเดือนในพม่ายังถือว่าต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่าง กัมพูชา ลาว และเวียดนาม จากข้อมูลของคณะกรรมการค่าแรงและผลผลิตแห่งชาติในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์เผยให้เห็นว่า ค่าแรงในฟิลิปปินส์และพม่าอยู่ที่เดือนละประมาณ 2,518 บาทเท่านั้น น้อยกว่าในประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ อยู่มาก โดยค่าแรงที่ลาวนั้นอยู่ที่ 3,461 บาท กัมพูชา 4,391 บาท และเวียดนาม 4,626 บาท ต่อเดือน
ทางด้านนายอูมิ้นโซ จากสมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าพม่าแสดงความคิิดเห็นว่า รัฐบาลควรจะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน อำนวยความสะดวกให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการสำหรับการอัพเกรดเครื่องจักรที่ใช้ผลิต รวมถึงลดกฎข้อบังคับที่ยุ่งยากและการจัดฝึกอบรมให้กับแรงงานโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มการผลิตให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้โรงงานสามารถจ่ายค่าแรงที่เพิ่มขึ้นได้
ส่วนนายอูทุนทุนหน่าย เลขาธิการคณะกรรมการสหภาพสหกรณ์ในพม่าเผยว่า รัฐบาลควรที่จะสร้างสถานที่ทำงานที่มีสภาพแวดล้อมดี รวมไปถึงการสร้างความเป็นอยู่ที่ยั่งยื่นให้กับแรงงานรายวันท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน การควบคุมราคาสินค้ายังชีพพื้นฐานในชีวิตประจำวันไม่ให้มีราคาสูง ก็น่าจะเป็นการช่วยเหลือแรงงานในอีกทางหนึ่ง ด้านรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ระบุว่า ทางรัฐบาลจะพยายามเจรจากับนายจ้างและลูกจ้างเพื่อลดความตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้น
ที่มา Myanmar Times
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ