Search

พบอีกทุนไทยก่อมลพิษเหมืองถ่านหินฝั่งพม่า ชาวบ้านป่วยอื้อ-แท้งลูก นักวิชาการชี้รุนแรงระดับเตือนภัย


เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเครือข่ายภาคประชาชน นักวิชาการและสื่อมวลชนซึ่งเดินทางลงพื้นที่เหมืองถ่านหินแห่งหนึ่งในประเทศพม่า ที่อยู่ติดกับชายแดนไทยด้านจังหวัดกาญจนบุรี เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านซึ่งเป็นชาวกะเหรี่ยงโดยรอบเหมืองว่ากำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากการทำเหมือง ทั้งนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านได้เดินทางมารวมตัวกันเพื่อให้ข้อมูล

นายซอ ทิน อู อดีตครูใหญ่ให้ข้อมูลว่า บริษัทเอกชนที่เจ้าของเป็นคนไทยได้เข้ามาทำเหมืองถ่านหินในปี 2555 หลังกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ได้ทำสัญญาหยุดยิงกับทหารพม่า โดยชาวบ้านไม่รับรู้ข้อมูลมาก่อนเลย ชาวบ้านส่วนหนึ่งเพิ่งอพยพกลับเข้ามาหลังจากหนีภัยสงครามไปอยู่ค่ายผู้อพยพตามแนวชายไทย เมื่อกลับมาถึงก็เจอกับอันตรายชนิดใหม่ที่ไม่รู้จักมาก่อน โดยเฉพาะหลังจากปี 2556 ที่บ่อดักตะกอนของเหมืองเกิดล้นน้ำไหลลงในลำห้วยของชุมชน

“ชาวบ้านเริ่มไม่สบายใจ แต่ตอนนั้นเราไม่มีข้อมูลอะไร ก็แค่บอกให้เขาระมัดระวังมากขึ้น จนปี 2557 แหล่งต้นน้ำเกิดมลภาวะใช้น้ำไม่ได้ ต้นหมากที่รับน้ำจากตรงนั้นยืนต้นตายจำนวนมาก ถัดมาอีกปีถ่านหินเกิดติดไฟ ควันพัดเข้ามาในหมู่บ้าน หายใจไม่คล่อง แสบคอไปหมด” นายซอ ทิน อู กล่าว
นอกจากนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ให้ข้อมูลถึงอาการเจ็บป่วยที่มีลักษณะคล้ายกัน คือ มีผื่นคันในเวลาที่ถ่านหินไหม้ และเกิดควันจากเหมืองลอยเข้ามาในหมู่บ้านซึ่งจะหายใจไม่สะดวก แสบคอ แสบจมูก แสบตา เวียนหัว มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปัสสาวะติดขัดและแสบ ปัจจุบันชาวบ้านบางรายเกิดก้อนเนื้อขนาดเท่าลูกปิงปองตามผิวหนังในหลายจุด

นายฮัมแงะ อายุ 36 ปี กล่าวว่า ชาวบ้านใช้น้ำจากลำธารซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเพียง 100 เมตร ในขณะที่อีกฝั่งเป็นบ่อที่บริษัทที่ทำเหมืองขุดไว้ใส่น้ำที่สูบออกจากหลุมขุดถ่านหินไหลลงมากักเก็บไว้ซึ่งอยู่ติดลำธาร และเคยมีเหตุการณ์บ่อพังจนน้ำในบ่อไหลลงมาในลำธาร หลังจากอาบน้ำที่ลำธารพวกเขามีผื่นคัน ต้องทายาแก้คันตลอด

“ก่อนการทำเหมืองถ่านหินเราทั้งคู่สุขภาพดีมีลูกด้วยกันมาแล้ว 4 คน พอมีเหมืองมาอยู่ติดบ้าน เมียผมแท้งลูกแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกช่วงปี 2558 อีกครั้งช่วงปี 2560 มีอายุครรภ์ 3เดือน และ 5 เดือน หลังจากนั้นพอมีกลิ่นควันเหม็นๆมาจากเหมือง เราต้องไปนอนที่อื่น เช่น ที่บ้านแม่ยายซึ่งอยู่ไกลจากบ้านของเรามาก” นายฮัมแงะกล่าว

ด้านนายหม่องโย๊ะ กล่าวว่า บ้านตนอยู่ใกล้เหมืองมาก ซึ่งเมื่อปี 2558 ที่ถ่านหินเริ่มติดไฟและมีควันลอยมา ตนและภรรยาต้องยอมทิ้งบ้านของตัวเองมาอยู่กับญาติที่อยู่ห่างออกมาเพราะทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว จนตอนนี้ก็ยังกลับไปไม่ได้ เพราะได้กลิ่นแล้วเวียนหัวจนหน้ามืด ส่วนที่หนักกว่า คือ ภรรยาของตน ชื่อ พอละวา มีผื่นคัน ผิวหนังเป็นรอยสีดำคล้ำ ตอนนี้บ้านพังไปหมดแล้วเพราะไม่ได้ไปอยู่ดูแล แต่ต้นหมาก ต้นมะพร้าวยังอยู่ ซึ่งหลังจากย้ายออกเมื่อกลับไปดูบ้านก็เสียใจเหมือนกัน ว่าบ้านเราเองแท้ๆ แต่อยู่ไม่ได้


นายซอ นุย ละไน ผู้ใหญ่บ้านกุนยองจยี กล่าวว่า ตนตื่นขึ้นกะทันหันกลางดึกบ่อยครั้งเพราะแสบคอเหมือนหายใจไม่ออก เป็นห่วงว่า พวกเราทั้งหมดกำลังแย่ แต่ไม่รู้จะทำยังไง อยากให้มีใครมาช่วย

ดร.อาภา หวังเกียรติ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ให้คำแนะนำกับชาวบ้านว่า “ดูจากสภาพตอนนี้ เห็นว่าเหมืองถ่านหินกับกองดินที่ทิ้งไว้เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษให้กับชุมชน ซึ่งมาทั้งทางน้ำและอากาศ ชาวบ้านจะได้รับผลกระทบตลอดเวลา สิ่งที่ชาวบ้านต้องทำเป็นข้อเสนอแต่ดูจากสภาพตอนนี้คงจะทำได้ยาก คือ ชาวบ้านไม่ควรใช้น้ำในลำห้วย ไม่ควรกินสัตว์น้ำ หรือพืชริมน้ำ เพราะมีการล้นของน้ำจากการทำเหมืองไหลลงสู่ลำห้วย ต้องดูว่า มีการปนเปื้อนของสารพิษหรือโลหะหนักอยู่ในลำห้วย ในสิ่งมีชีวิตในลำห้วยเท่าไหร่ อีกอย่างก็จัดการยากคือ ทำอย่างไรไม่ให้ถ่านหินที่กองอยู่ลุกไหม้ ซึ่งเป็นปัญหาสากลในการทำเหมืองถ่านหิน โดยส่วนใหญ่จะเน้นการป้องกันก่อนเกิดการลุกไหม้ ซึ่งต้องใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น การใช้เซนเซอร์จับความร้อน หรือใช้อินฟาเรดจับความร้อน เพื่อควบคุมก่อนการลุกไหม้” “เรื่องเร่งด่วนของชาวบ้านตอนนี้ คือ ทำยังไงไม่ให้เกิดการลุกไหม้รุนแรง ถ้าบริษัทหรือรัฐไม่เข้ามาจัดการ ชาวบ้านอาจต้องมีการจัดเวรยาม เพื่อเฝ้าระวังและแจ้งให้บริษัทเข้ามาดำเนินการดับ เพราะกองที่ใหญ่ขนาดนี้ชาวบ้านไม่มีทางที่จะดับเองได้เลย”ดร.อาภากล่าว

ดร.อาภาอีกกล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้อยู่ในระดับของการเตือนภัย เพราะชาวบ้านได้รับผลกระทบทางสุขภาพหลากหลายและกว้างขวาง และอาจจะเข้าขั้นก่อนวิกฤต เนื่องจากชุมชนกับเหมืองใกล้กันมาก หากเกิดฝนตกหนักทำให้กองดินและกองถ่านหินไหลลงสู่ลำห้วย หรือเกิดไฟไหม้มากจนจัดการไม่ได้ ก็จะกลายเป็นวิกฤตทันทีทันใด เหมือนมีระเบิดเวลาตั้งอยู่บนภูเขาซึ่งพร้อมจะกลายเป็นวิกฤตได้ตลอดเวลา

On Key

Related Posts

เชื่อกองกำลังปะหล่องยอมคืนเมืองที่ยึดได้ทางเหนือรัฐฉาน หลังถูกจีนกดดันอย่างหนัก ขณะที่กระแสต่อต้านจีนเพิ่มขึ้น แฉรัฐบาลแดนมังกรทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเองในพม่า

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ในรายการ This week’s IRead More →

เผยทหารว้าขยายพื้นที่ทำเหมืองทองเพิ่มขึ้น-ไม่สนใจความเดือดร้อนของคนลุ่มน้ำกก-สาย แม้รู้ข่าวสารปนเปื้อนลงน้ำแล้ว ชาวพม่า-ไทใหญ่เดือดร้อนกันถ้วนหน้า นักวิชาการ มฟล.เสนอ 3 สถาบันการศึกษาร่วมจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำเชียงราย

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ชาวบ้านรายหนึ่งซึ่งอาศRead More →

ประชุมแม่น้ำข้ามแดนนัดแรก จังหวัดเชียงรายดันสร้างฝายดักตะกอนแก้ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย ตั้งคณะทำงาน 4 ชุด นักวิจัยติงคิดให้รอบคอบ หวั่นไม่มีที่ทิ้งสารพิษ-มีบทเรียนจากลำห้วยคลิตี้

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องธรรมลังกา ศาลากลRead More →