Search

นายอำเภอวารินฯเดินพิสูจน์แนวที่ดินหนองกินเพล เสนอตั้งกก.ระดับชาติสอบการออกโฉนดหมื่นไร่ให้นายทุน


เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 นางหนูเดือน แก้วบัวขาว ชาวตำบลหนองกินเพล อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากการถูกนายทุนออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินทำกิน เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเรียกร้องสิทธิภายหลังจากที่ศาลปกครองมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ออกทับที่ดินของชาวบ้านตั้งแต่ปี 2558 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการแก้ปัญหา ว่าล่าสุดได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับอำเภอโดยมีนายอำเภอวารินชำราบเป็นประธานเพื่อตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดิน เนื่องจากเจ้าพนักงานที่ดินอ้างว่าที่ดินของครอบครัวตนเป็นคนละแปลงกับที่ดินที่มีคำสั่งศาล โดยในวันที่ 15 มีนาคม คณะกรรมการฯจะลงพื้นที่เพื่อเดินตรวจสอบแนวเขต

นางหนูเดือนกล่าวว่า ที่ดินของครอบครัวมีจำนวน 82 ไร่ ซึ่งนายสอน แก้วบัวขาว บิดาของนายวิทยา แก้วบัวขาว สามี ได้บุกเบิกและมีใบจองจำนวน 22 ไร่ 1 งาน 60 ตาราวา สาเหตุที่ออกใบจองน้อยกว่าความเป็นจริงเนื่องจากในสมัยก่อน เจ้าพนักงานที่ดินบอกว่าให้ออกเป็นใบจับจองแค่นี้ก่อนแล้วค่อยขยายต่อทีหลัง โดยที่ดินทั้งหมดมีแนวเขตชัดเจนว่าด้านไหนอยู่ติดของใครบ้าง นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ที่บิดาของสามีปลูกเอาไว้เป็นแนวเขต แต่เจ้าพนักงานที่ดินอ้างว่าในทิศตะวันตกที่ในใบจองระบุว่าอยู่ติดกับนางบุญเลี้ยง เมื่อตรวจสอบปรากฏว่าชื่อของนางบุญเลี้ยงไปอยู่อีกแปลงหนึ่งที่อยู่คนละฟากถนน

“หากเขาไปตรวจสอบข้อเท็จจริงลึกๆ แล้วจะพบความผิดปกติว่าใบจองของนางบุญเลี้ยง เช่น พอเอาไปจองไปออกเป็นนส.3 และเปลี่ยนเป็นโฉนดก็กลายเป็นชื่อคนอื่นทันที โดยถูกนำไปยุบรวมกับใบจองของคนอื่นๆ จริงๆ แล้วเขาควรไปตรวจสอบให้ชัดเจนว่า ครั้งนั้นเป็นการออกเอกสารสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ ที่สำคัญคือ หากมีการตรวจสอบในทิศอื่นๆ ที่ระบุไว้ในใบจองที่บิดานายวิทยาเขียนไว้ ทั้งเหนือ ใต้ และตะวันออก ก็จะพบว่าตรงตามความเป็นจริง” นางหนูเดือน กล่าว

นางหนูเดือนกล่าวว่า นายสอนได้เข้ามาจับจองและทำกินในที่ดินเมื่อกว่า 40 ปีก่อนและได้มีการออกใบจองไว้ชัดเจน แต่นายทุนกลับออกโฉนดทับซ้อน เช่นเดียวกับที่ดินของชาวบ้านอีกนับหมื่นไร่ในตำบลบุ่งหวายและหนองกินเพล ซึ่งเป็นการผิดสังเกตตั้งแต่ต้นเพราะมีการออกโฉนดที่ดินมากมายมหาศาลขนาดนี้ ทำไมถึงไม่มีการตรวจสอบ ในอดีตมีชาวบ้านซึ่งได้รับผลกระทบร่วมกันร้องเรียนกลุ่มใหญ่ แต่การต่อสู้อันยาวนาน ทำให้รู้สึกท้อแท้และยอมเจรจากับนายทุน บ้างยอมซื้อที่ดินตัวเองคืนในราคาถูก บ้างยอมขายให้นายทุนเพื่อเป็นการตัดปัญหา

“แต่ครอบครัวของเราต่อสู้มาโดยตลอด เมื่อปี 2551 พี่วิทยาต้องติดคุกอยู่ 1 ปี 6 เดือนเพราะถูกกล่าวหาว่าบุกรุกที่ดินของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาดีเอสไอก็เข้ามาตรวจสอบและยืนยันว่าใบจองของเราถูกต้อง จริงๆหากต้องการให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้น รัฐบาลควรตั้งคณะกรรมการจากส่วนกลางมาตรวจสอบทั้งหมด แม้เรื่องจากผ่านมานาน แต่ก็ยังสามารถพิสูจน์ได้ โดยเริ่มตรวจสอบตั้งแต่การออกใบจองว่าได้มาโดยชอบหรือไม่ ทำไมจึงมีการมอบอำนาจให้บางคนไปขอออกนส.3มากมาย และเมื่อได้นส.3แล้วทำไมถึงกลายเป็นชื่อคนอื่นทันทีเมื่อเป็นโฉนด การออกโฉนดนับหมื่นไร่ เจ้าหน้าที่รัฐไม่เห็นถึงความผิดปกติบ้างเลยหรือ” นางหนูเดือน กล่าวและว่า หากพบว่ามีการออกโฉนดโดยมิชอบ และมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ก็ควรมีกระบวนการเยียวยาประชาชนที่ซื้อที่ดินรายต่อๆ มาเพราะเขาไม่รู้เรื่องด้วย แต่ต้องกลายเป็นเหยื่อเช่นเดียวกัน

On Key

Related Posts

นักวิชาการแนะรัฐไทยเร่งหารือประเทศลุ่มน้ำโขงหลังตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานใน จ.เลย-หนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม ภาคประชาชนจี้รัฐแจ้งความจริงให้ชาวบ้านทราบ-หาแนวทางปฎิบัติ-หวั่นหลายเมืองใช้น้ำโขงผลิตน้ำประปาได้รับผลกระทบ