
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 ชาวบ้านจากเครือข่ายประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย ราว 70 คนได้เดินทางมายังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการทำลายสัตว์น้ำวัยอ่อนและเปิดให้ชาวประมงพื้นบ้านออกนอกเขตทะเลชายฝั่ง โดยแกนนำได้อ่านแถลงการณ์ระบุว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีของการประกาศใช้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 รัฐบาลอ้างว่า หลักการกฎหมายประมงเป็นไปเพื่อสนับสนุนชาวประมงพื้นบ้าน แต่ปรากฏว่ามีข้อกำหนดหลายประการ ที่จำกัดสิทธิชาวประมงพื้นบ้านไม่ให้ทำประมงได้ตามปกติ เช่น การให้ความหมายว่า ประมงพื้นบ้านให้ ทำประมงได้เฉพาะในทะเลชายฝั่งที่แคบกว่าที่ชาวประมงพื้นบ้านเคยทำการประมงปกติ และห้ามผู้ได้รับอนุญาตประมงพื้นบ้านออกทำประมงนอกเขตชายฝั่ง แต่ให้ชาวประมงแบบพาณิชย์ทำการประมงได้ ในพื้นที่กว้างขวาง กำหนดให้ชาวประมงพาณิชย์จับสัตว์น้ำในทะเลไทยได้กว่าร้อยละ 80-90 แต่ให้ ชาวประมงพื้นบ้านจับได้ประมาณร้อยละ 10 ของสัตว์น้ำที่อนุญาตให้จับได้ทั้งหมดเท่านั้น
ในแถลงการณ์ระบุว่าชาวประมงพื้นบ้านมีจำนวนหลายแสนคน ส่วนชาวประมงพาณิชย์มีประมาณหนึ่งหมื่นคน เท่านั้น นโยบายและกฎหมายดังกล่าวคือความลำเอียงและไม่เป็นธรรมอย่างชัดเจน โดยรัฐบาลได้ใช้งบประมาณจำนวนมากในการบริหารจัดการประมงพาณิชย์ ให้การสนับสนุนปัจจัย พื้นฐาน จัดจ้างบุคลากรเพื่อจัดตั้งหน่วยงานใหม่ (PIPO) ใช้เงินซื้อเรือผิดกฎหมายนับร้อยล้านบาท และเตรียมใช้อีกหลายพันล้านบาทเพื่อซื้อเรือผิดกฎหมาย แต่รัฐบาลไม่เคยตอบสนองข้อเสนอ แม้แต่ข้อเดียว จนในขณะนี้มี ผู้ฉวยโอกาสอ้างตนเป็นชาวประมงพื้นบ้านลักลอบทำการประมงแบบทำลายเพิ่มมากขึ้นอีก เช่นการ ปั่นไฟจับปลาด้วยอวนตาถี่ และอวนลากเล็ก เป็นต้น
ในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า เมื่อปลายปี 2558 รัฐบาลเคยมีมติให้ยกเลิกมาตรา 34 ของพระราชกำหนดการประมง ที่กำหนดห้ามชาวประมงพื้นบ้านออกนอกชายฝั่ง และมีการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหา ผลกระทบจากกฎหมายประมง แต่เวลาล่วงเลยมา 3 ปี ข้อกำหนดดังกล่าวยังคงอยู่ แต่ไปแก้ไขให้ ประโยชน์อุตสาหกรรมประมงในด้านอื่นๆแทน
“ที่ร้ายกาจกว่านั้น ถึงปัจจุบันรัฐบาลยังไม่ให้ใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้านแก่ชาวบ้านแม้แต่รายเดียว แม้ยังสามารถจับสัตว์น้ำได้ แต่ชาวประมงพื้นบ้านกลายเป็นบุคคลไม่มีฐานะในทางสถิติ ไม่มีการจัดเก็บข้อมูล ไม่ปรากฏว่าเป็นชาวประมงของประเทศไทย จนเป็นที่มาทำให้ได้รับการจัดสรรปริมาณสัตว์น้ำให้จับในสัดส่วนต่ำมากๆ” ในแถลงการณ์ระบุ
ในแถลงการณ์ระบุอีกว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ได้ร่วมหารือกับนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯซึ่งนายกฤษฎาได้ให้การรับรองว่าจะดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องสำคัญของชาวประมงพื้นบ้าน จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นผลทางปฏิบัติเช่นเคย จึงจำเป็นต้องมาเรียกร้องดังนี้ 1. รัฐบาลต้องแก้ไข พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 โดยให้มีหมวด “ว่าด้วยการประมงพื้นบ้าน” เป็นการเฉพาะ โดยมีรายละเอียดตามที่เคยเจรจากัน 2. ต้องออกประกาศยกเลิกการใช้เครื่องมือประมงที่มีสภาพทำลายล้างเพิ่มเติม และ ประกาศ กำหนดขนาดพันธ์สัตว์น้ำเศรษฐกิจวัยอ่อนทุกชนิดที่ห้ามจับขึ้นเรือประมง
3. รัฐบาล และ หัวหน้า คสช. ต้องแก้ไขคำสั่ง หัวหน้า คสช.ที่ 24/2558 เพื่อเปิดให้จดทะเบียน เรือประมงพื้นบ้านได้ 4. ต้องกำกับให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ดำเนินการเข้มงวดการประมงอวนรุน อวนลาก ลอบคอนโด อย่างจริงจังเพราะไม่มีการตรวจจับหรือจัดการให้เป็นไปตามกฎหมาย



