เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่าในวันที่ 28 มีนาคม ที่ห้องประชุมนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จะมีพิธีมอบคำฟ้องคดีปกครอง ระหว่างคลินิกเพื่อช่วยเหลือประชาชนทางสังคมและกฎหมายมหาวิทยาลัยรังสิต โดยดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดี กับผู้แทนชาวเลชุมชนราไวย์ จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ชาวเลนำสำนวนคำฟ้องไปฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกมาทับที่ดินของชาวเลในชุมชนราไวย์ เนื่องจากเป็นการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ
นายคมสันกล่าวว่า ถ้าหากไม่มีการฟ้องร้อง ชาวเลก็ยังถูกนายทุนฟ้องขับไล่อยู่เรื่อยๆ แม้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเคยมีความเห็นส่งไปยังกรมที่ดินว่าให้มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในชุมชนราไวย์แล้วก็ตาม แต่กรมที่ดินได้โต้แย้งว่าได้มีการออกเอกสารสิทธิ์อย่างถูกต้อง ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่ผู้เสียหายต้องฟ้องร้องเอง
“เราได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆไว้ทั้งหมด แต่เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นข้อบกพร่องทางด้านกฎหมายที่ให้อำนาจเดี่ยวคือให้อำนาจอธิบดีกรมที่ดินคนเดียวในการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ บางเรื่องแม้รัฐมนตรีสั่งการให้อธิบดีดำเนินการเพิกถอน หากอธิบดีไม่ทำตามก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องใช้อำนาจศาล”นายคมสันกล่าว
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ กล่าวว่ากฎหมายปัจจุบันให้อำนาจกรมที่ดินตั้งแต่รังวัด ออกเอกสารสิทธิ์ไปจนถึงการเพิกถอน แทนที่จะแยกออกจากกัน ดังนั้นจึงควรมีการแก้ไขกฎหมาย ขณะเดียวกันในส่วนของชาวเลควรมีการผลักดันให้เกิดเขตวัฒนธรรมพิเศษเพื่อให้พวกเขาได้ดำรงวิถีชีวิตอยู่ให้ได้ ซึ่งปัญหาที่ดินของชาวเลในอันดามันถูกบุกรุกในอันดามันนั้น มีลักษณะคล้ายกัน ดังนั้นกรณีของชาวเลในชุมชนราไวย์จึงเป็นกรณีศึกษาที่จะสามารถนำไปปรับใช้กับชาวเลในพื้นที่อื่นๆได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการฟ้องร้องครั้งนี้ชาวเลชุมชนราไวย์จำนวน 218 คนได้มอบหมายให้ตัวแทนซึ่งประกอบด้วยนายบุญเลิศ มณีวงศ์ นายนิรันด์ หยังปาน นายสงัด หาดวารี นายชนะ หาดทรายทองและนายสนิท แซ่ชั่ว เป็นผู้ฟ้องที่ 1-5 ทำการฟ้องกรมที่ดิน อธิบดีกรมที่ดิน ผู้อำนวยการสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและนายอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นจำเลยที่ 1-6 เนื่องจากการกระทำที่ไม่ชอบและละเลยต่อหน้าที่ในการออกเอกสารสิทธิเหนือที่ดินในที่ดินของชุมชนราไวย์