เทศบาลเมืองเนปีดอว์ได้ออกมาประกาศว่า ขณะนี้กำลังรออนุมัติจากรัฐบาลเพื่อเตรียมสร้างมหาวิทยาลัยนานาชาติในเมืองเดกกีนาทีรี ในเขตเมืองเนปีดอว์ โดยประเทศเกาหลีใต้จะให้การสนับสนุนด้านเงินทุนและความช่วยเหลือด้านการออกแบบก่อสร้าง หากโครงการนี้ได้รับการอนุมัติจะใช้เวลาในการก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 2 ปี และมีแผนจะเปิดรับนักศึกษาในปี 2563 นี้ โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะพัฒนาเมืองเนปีดอว์เป็นเมืองสมาร์ตซิตี (smart city)
มีรายงานว่า ขณะนี้โครงการดังกล่าวกำลังรอการอนุมัติจากกระทรวงต่างประเทศและสำนักประธานาธิบดีพม่า โดยเตรียมขอใช้ที่ดินที่ตั้งอยู่ในโซนเขตการทูต จำนวน 300 เอเคอร์ จากเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 1,500 เอเคอร์ ในการสร้างโครงการนี้ ด้านส.ส.จากเมืองเดกกีนาทีรีเปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จะพัฒนาให้เมืองเนปีดอว์เป็นเมืองสมาร์ตซิตี (smart city) หรือ เมืองอัจฉริยะ ทางด้านเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ แสดงความเห็นว่า โครงการนี้จะเป็นโอกาสที่ดีมากในด้านโอกาสการศึกษาแก่เด็กๆ ในเมือง รวมถึงส่งผลดีในด้านธุรกิจและการสร้างงานให้เกิดขึ้นในพื้นที่
เมืองเนปีดอว์นั้นประกอบไปด้วย 8 เมือง มีพื้นที่ประมาณ 7,054 ตร.กม. มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 1 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ในเมืองสะหย่าทีรี ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เช่น เช่นมหาวิทยาลัยเกษตร มหาวิทยาลัยด้านป่าไม้ เป็นต้น เมืองเนปีดอว์มีความหมายว่า “มหาราชธานี” หรือ “ที่อยู่ของกษัตริย์” ห่างจากกรุงย่างกุ้งไป 320 กิโลเมตร เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 3 รองจากย่างกุ้งและมัณฑะเลย์
เมืองหลวงแห่งใหม่ของพม่าถูกย้ายจากย่างกุ้งไปเนปีดอว์ตั้งแต่เมื่อปี 2548 โดยยังไม่มีเหตุผลที่แน่ชัดเกี่ยวกับการย้ายเมืองหลวงในครั้งนั้น แต่ก็มีการคาดเดากันว่า เป็นเพราะนายพลอาวุโสตานฉ่วย ผู้นำสูงสุดของรัฐบาลเผด็จการทหารขณะนั้น เชื่อและทำตามคำทำนายของโหร บางส่วนก็วิเคราะห์ว่า การย้ายเมืองหลวงเป็นเพราะเรื่องจุดยุทธศาสตร์ทางทหาร ขณะที่อีกด้านหนึ่งในเมืองย่างกุ้ง เกิดเหตุไฟไหม้กองขยะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองหล่ายตะหย่าตั้งแต่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ทางการพม่าจะสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่ควันพิษจากเหตุไฟไหม้ได้ปกคลุมในเมืองย่างกุ้ง จนทำให้มีประชาชนบางส่วนได้ล้มป่วยลงจากควันมลพิษ
ที่มา Irrawaddy
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ
