Search

พีมูฟดาวกระจายไล่จี้หน่วยงานรัฐเร่งแก้ปัญหาชาวบ้าน มท.เสียงอ่อยร่วมลงนามตอนเที่ยงคืน-กรมที่ดินพึ่งตื่นส่งคนลงพื้นที่ “สุวพันธุ์”เตรียมนำข้อสรุปเข้าครม.8 พค.

แกนนำร่วมกันอ่านแถลงการณ์ (ขอบคุณภาพจากพีมูฟ)

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2561 เวลา 11.00 น.ที่บริเวณหน้ากระทรวงมหาดไทย กรุงเทพฯ แกนนำชาวบ้านในนามขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.) หรือพีมูฟ ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ ถึงกรณีที่สมาชิกและแกนนำถูกจับกุมตัวที่จังหวัดลำพูนเพื่อสกัดกั้นไม่ให้มาร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ โดยระบุว่าเหตุการณ์การเข้าสกัดการเดินทางของพี่น้องสมาชิก ขปส. เมื่อคืนวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งรถบัสที่ชาวบ้านจากจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน จำนวน 2 คัน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง มลฑลทหารบกที่ 33 ด่านแม่ทา จังหวัดลำพูน เรียกตัวคนขับรถบัสสองคนลงจากรถ และคนขับหายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ จนชาวบ้านจำนวน 50 กว่าคนบนรถลงมาสอบถามหาคนขับรถ แต่เจ้าหน้าที่กลับอ้างว่าไม่ทราบว่าหายไปไหน กุญแจรถบัสก็ถูกยึด ท้ายสุดชาวบ้านถูกควบคุมตัวไปยังมลฑลทหารบกที่ 33

แถลงการณ์ระบุว่า และในวันถัดมา ในเวลา 15.45 นายประยงค์ ดอกลำไย ที่ปรึกษา ขปส. และนาย สุแก้ว ฟุงฟู รองประธานสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และนาย รังสรรค์ แสนสองแคว ประธานโฉนดชุมชนบ้านไร่ดง ถูกเจ้าที่คุมตัว โดยอ้างว่าชาวบ้านกระทำความผิด พรบ.การชุมนุมสาธารณะ ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงและไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะขัดต่อความมั่นคงและอาจจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ ทั้ง ๆ ที่การเคลื่อนไหวของ ขปส. ได้ทำการแจ้งการเคลื่อนไหวตาม พรบ.การชุมนุมสาธารณะ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นางสาวนุชวรา สูธีวะ ผู้ร่วมชุมนุมเป็นลมระหว่างเดินเท้าจากกระทรวงมหาดไทยไปยังกระทรวงเกษตรฯ (ขอบคุณภาพจากพีมูฟ)

“การกระทำเช่นนี้นอกจากจะไม่เป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่รัฐบาลต้องเปิดพื้นที่การแสดงออก แสดงความคิดเห็น และต้องรับฟังเสียงของประชาชนกลุ่มต่างๆ แต่สิ่งที่หน่วยงานความมั่นคงที่มีพฤติกรรมข้างต้นเป็นการกระทำที่เลวร้าย ป่าเถื่อน และมีความพยายามที่จะยัดเยียดข้อหาผิดคำสั่ง คสช. 13/2559 การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตราย ต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ทั้ง ๆ ที่ในหนังสือแจ้งต่อหน่วยงานเรื่องการเคลื่อนไหวติดตามการแก้ปัญหาของ ขปส. ได้แจ้งวัตถุประสงค์ และรายละเอียดการเคลื่อนไหวไว้อย่างชัดเจน พวกเราขอประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐว่า เป็นการกระทำที่เป็นภัยต่อการดำรงอยู่ของประชาชนในประเทศที่ปกครองตามระบอบประชาธิปไตย และขอเรียกร้องให้รัฐบาล หน่วยงานฝ่ายต่างๆ ยุติการข่มขู่ คุกคาม ประชาชนที่เคลื่อนไหวเรียกร้องการแก้ปัญหาความทุกข์ยากของคนจนในทุกพื้นที่” แถลงการณ์ระบุ

นอกจากนี้แกนนำพีมูฟยังได้แถลงถึงความคืบหน้าการติดตามการแก้ปัญหาว่า ได้รับการตอบสนองจากกระทรวงที่รับผิดชอบแล้ว 3 กระทรวง คือ กระทรวงคมนาคม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มาเป็นประธานและให้นโยบายการแก้ไขปัญหาร่วมกัน พร้อมรับข้อเสนอกรณีปัญหา 10 กรณี 1 นโยบาย และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามการแก้ปัญหาของประชาชน ขณะที่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ได้มีการเปิดประชุมอนุกรรมการแก้ปัญหาที่สาธารณประโยชน์และที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้างเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาเร่งด่วน 25 กรณี และเปิดเวทีถกนโยบายการส่งมอบพื้นที่ชุมชนที่อยู่ในที่ดินการดูแลของกระทรวงมหาดไทยตามนโยบายโฉนดชุมชน

ภายหลังการอ่านแถลงกาณณ์เสร็จสิ้น นายประยูร รัตนเสนีย์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมาพบกับชาวบ้าน ขปส. และกล่าวว่า ภายหลังจากมีการเชิญตัวแทนชาวบ้าน ขปส. เข้าพบพร้อมกับอธิบดีกรมที่ดิน เพื่อร่วมหาแนวทางการแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้องตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ข้อสรุปว่า ทางกระทรวงมหาดไทยจะเร่งรัดกระบวนการแก้ปัญหาเรื่องต่าง ๆ โดยอยู่ภายใต้กรอบของกฏหมาย โดยเฉพาะการแก้ปัญหาที่ดิน กรณีชาวเล กรณีเขตเศรษฐกิจพิเศษ ปัญหาของคนไทยพลัดถิ่น ปัญหาคนไร้สัญชาติ ปัญหาโฉนดชุมชน ปัญหาบ้านมั่นคง โดยภายใน 30 วันต่อจากนี้จะมีการรายงานความคืบหน้าให้ทุกฝ่ายรับทราบ โดยทางกระทรวงมหาดไทยได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันกับชาวบ้านไว้เป้นหลักฐานในการติดตามการแก้ปัญหา

นายไมตรี จงไกรจักร์ แกนนำพีมูฟกล่าวว่า ในวันแรกที่เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลซึ่งผู้แทนพีมูฟได้พบกับนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายสุวพันธุ์ได้สั่งการให้สำนักนายกรัฐมนตรีประมวลผลสรุปปัญหาของพีมูฟทั้งหมดและจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีในวันที่ 8 พฤษภาคม แต่ตัวแทนชาวบ้านแจ้งว่าจะช่วยติดตามความคืบหน้าในแต่ละกระทรวงให้ด้วย ดังนั้นในช่วง 2 วันที่ผ่านมาชาวบ้านจึงเดินทางไปยังกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรฯและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นายไมตรีกล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยที่ได้มีการลงนามร่วมกันไปเมื่อตอนเที่ยงคืนวันที่ 2 นั้น มีปัญหาหลายเรื่องที่ได้รับปากชาวบ้าน เช่น กรณีที่ดินสาธารณะทั้งเรื่องการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และเรื่องอื่นๆ ซี่งอธิบดีกรมที่ดินได้สั่งการให้ผู้ตรวจกรมลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องสัญชาตินั้น ทั้งกรณีของชาวไทยพลัดถิ่นและชาวเล ทางกระทรวงมหาดไทยรับปากว่าจะเร่งรัดดำเนินการตามช่องทางที่มีอยู่แล้ว

นายไมตรีกล่าวถึงการเดินทางไปยังกระทรวงเกษตรฯว่า ในกรณีที่ดินของชาวบ้านซึ่งเป็นที่ดินส.ป.ก.แต่ถูกอุทยานฯประกาศทับที่ดินนั้น ทางกระทรวงเกษตรฯเห็นด้วยที่จะร่วมกันทำหนังสือไปยังกรมอุทยานฯเพื่อให้มีการแก้ไข ขณะเดียวกันในส่วนของชาวบ้านห้วยฝั่งแดง จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งถูกอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานทับที่ดินนั้น มีความเห็นร่วมกันว่ากรมชลประทานยินยอมที่จะดำเนินการตามมติของคณะอนุกรรมการที่พิจารณาในเรื่องนี้คือจ่ายค่าชดเชยจำนวน 18 ล้านให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย
///////////////////////

On Key

Related Posts