เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2561 เครือข่ายแม่น้ำรัฐฉาน (Action for Shan State Rivers) ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงในตอนใต้ของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการเขื่อนเมืองโต๋น และเป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งระหว่างกองทัพพม่าและกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์มาอย่างยาวนาน
รายงานได้ระบุว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 เรือที่แล่นอยู่ในแม่น้ำสาละวินถูกยิงใส่ จนมีผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชาย 1 คน และเด็กชายอายุ 9 ปี ได้รับบาดเจ็บ ใกล้บริเวณที่คณะวิศวกรชาวจีนทำการสำรวจพื้นที่เพื่อก่อสร้างเขื่อนเมืองโต๋น
ขณะที่ก่อนหน้านั้นในวันที่ 9 เมษายน 2561 ชาวบ้าน 9 คน เดินทางจากหมู่บ้านในเมืองโต๋น โดยสารเรือเพื่อไปยังแคมป์ตัดไม้ตอนเหนือของแม่น้ำสาละวินโดยได้ค้างคืนที่นั่น จากนั้นชาวบ้าน 5 คน แยกเดินทางกลับก่อนด้วยเรือโดยสาร กระทั่งเวลาประมาณบ่าย 2 โมง เรือแล่นห่างจากบ้านท่าศาลามาทางทิศเหนือ 9 กิโลเมตร ได้ถูกปืนยิงใส่จากทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ เป็นเหตุให้ นายจายเป่ตี้ อายุ 42 ปี ถูกยิงที่หัวเหน่า และเด็กชายจายหัวโลง อายุ 9 ขวบ ลูกชายของคนขับเรือถูกยิงที่น่องขวา คนขับเรือตกใจมากรีบหยุดเรือทันทีเพราะกลัวถูกยิงซ้ำ และปล่อยเรือไหลไปถึงหมู่บ้านท่าศาลา และได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านนำรถพาผู้บาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาลเมืองโต๋น แต่นายจายเป่ตี้มีอาการบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตก่อนจะนำตัวขึ้นรถ ส่วนเด็กผู้ชายถูกนำตัวไปส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
รายงานระบุต่อว่า มีการนำร่างของนายจายเป่ตี้ไปที่บ้านศาลา กระทั่งเที่ยงวันต่อมาทหารพม่า 3 นาย จากฐานทัพใกล้สะพานท่าซาง เดินทางมาที่บ้านที่กำลังประกอบพิธีศพและสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งภายหลังผ่านไป 2 คืน ในวันที่ 12 เมษายน ตำรวจจากเมืองโต๋นเดินทางมานำร่างไปชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลเมืองโต๋น แม้ว่าญาติของเขาไม่ต้องการให้นำร่างไปก็ตาม หลังการผ่าชันสูตรพลิกศพ ตำรวจอนุญาตให้ญาตินำร่างของเขากลับไปบำเพ็ญกุศลและฝังที่สุสานเมืองโต๋นในวันเดียวกัน
ในรายงานระบุว่า นายจายเป่ตี้ ผู้เสียชีวิตจากการถูกยิง เป็นสมาชิกของกลุ่มทหารบ้าน(กองกำลังอาสาสมัคร-militia) ของกองทัพพม่า และประกอบอาชีพทำธุรกิจขนาดเล็กทำไม้ โดยเขาถูกยิงขณะสวมชุดสีเขียวเข้มเหมือนทหารบ้าน แต่ก่อนหน้านี้เขาจะไม่สวมชุดดังกล่าว แต่หลังจากคณะวิศวกรได้เข้ามาสำรวจพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนเมืองโต๋นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมากขึ้น นายจายเป่ตี้ จึงสวมชุดทหารบ้านเพื่อความปลอดภัย แต่ต้องมาถูกยิงจนเสียชีวิต โดยยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ จึงทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวเป็ยอย่างมาก โดยที่หมู่บ้านแห่งนี้มีอยู่ประมาณ 50 ครัวเรือน เกือบทั้งหมดเป็นชาวไทใหญ่
นอกจากนี้รายงานได้เปิดเผยข้อมูลจดหมายัับการสั่งการคุ้มครองคณะผู้สำรวจเขื่อน ที่ระบุว่า ในวันที่ 26 มกราคม 2561 ‘อูหน่ายส่วยอู’ อธิบดีสำนักประธานาธิบดีส่งจดหมาย(ประทับตรา“ลับ”) ให้กับกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานพม่า(MOEE) แจ้งให้ทราบว่า จะให้ความคุ้มครองทางการทหารต่อคณะผู้ชำนาญการชาวจีน 10 คน ซึ่งมาจากบริษัท China Three Gorges Corporation โดยจะเดินทางเข้ามาในพื้นที่เพื่อก่อสร้างเขื่อนเมืองโต๋น มีการส่งสำเนาจดหมายให้กับสำนักงานผู้บัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งต่างได้รับการร้องขอให้ร่วมมือ เพื่อการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชำนาญการเหล่านี้ โดยในจดหมายระบุว่า คณะชาวจีนจะเดินทางจากย่างกุ้งไปยังท่าขี้เหล็ก จากนั้นจะเดินทางผ่านเมืองโต๋นไปยังบ้านศาลา
รายงานระบุต่อว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ชาวบ้านในหมู่บ้านศาลา เห็นคณะชาวจีนประมาณ 20 คน เดินทางเข้ามาด้วยขบวนรถหลายคัน ขับผ่านหมู่บ้านไปยังพื้นที่ที่เรียกว่าแม่ป๊ะ ห่างจากบ้านท่าศาลาไปทางเหนือ 19 กิโลเมตร โดยพวกเขาขับรถเอสยูวีมาจากท่าขี้เหล็ก ชาวบ้านบอกว่ารถบางส่วนเป็นของบริษัท International Group of Entrepreneurs Company ซึ่งเป็นบริษัทจากรัฐบาลพม่าที่ลงทุนสร้างเขื่อนเมืองโต๋น
ชาวบ้านบอกอีกว่า มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดให้กับคณะผู้สำรวจชาวจีน พวกเขาพักอยู่ที่ไซต์งาน และไม่ได้ลงมาที่หมู่บ้านศาลา โดยมีทหารพม่าจากกองพันทหารราบเบาที่ 580 (ภายใต้กองบัญชาการทหารที่ 14 ซึ่งมีฐานทัพอยู่ที่เมืองสาด) และกลุ่มทหารบ้าน(ซึ่งอยู่ใต้การกำกับดูแลของ กลุ่มอาสาสมัครในพื้นเมืองก๋าง และกองทัพพิทักษ์ชายแดนที่ 1007) ให้การดูแล เวลาที่ออกไปทำงานที่แม่น้ำ ชาวบ้านเห็นทหารพม่า 2 นายตามประกบชาวจีนแต่ละคน
“พวกเขาไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยจากการเดินทางเข้าพื้นที่ของคณะสำรวจ ไม่มีการจ้างชาวบ้านไปทำงานในไซต์งาน ไม่มีการเช่ารถจากในพื้นที่ บรรดาอาหารและพืชผักต่าง ๆ ที่ใช้ทำอาหารให้คณะผู้สำรวจล้วนแต่ถูกซื้อมาจากท่าขี้เหล็ก ไม่ได้มาจากบ้านศาลา จากนั้นจึงมีการส่งเสบียงไปที่ไซต์งาน สิ่งที่พวกเราได้รับกลับมามีแค่ฝุ่น” ชาวบ้านคนหนึ่งบอก โดยชาวบ้านต่างหวาดกลัวที่จะพูดคุยเกี่ยวกับคณะชาวจีน โดยบอกว่าตำรวจที่เมืองโต๋นได้โทรศัพท์เรียกตัวให้ชาวบ้านบางคนไปให้การ เนื่องจากมีคนกล่าวหาว่าพวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับคณะชาวจีน
รายงานระบุถึงการโจมตีครั้งล่าสุดว่า เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นตอนกลางวันแสก ๆ ต่อเรือโดยสารของพลเรือน ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ตามริมฝั่งน้ำสาละวินในตอนใต้ของรัฐฉานไม่มีความปลอดภัย แม้จะมีสัญญาหยุดยิง และแม้จะไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้โจมตี แต่ไม่ใช่เหตุบังเอิญที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงที่คณะผู้สำรวจชาวจีนอยู่ในพื้นที่ และมีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขึ้น การโจมตีครั้งนี้ควรถือเป็นสัญญาณเตือนสำหรับนักลงทุนสร้างเขื่อน ถือว่าเสี่ยงเกินไปที่จะเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ที่อื้อฉาวในพื้นที่ที่ยังมีสงคราม ในพื้นที่ซึ่งยังมีการสู้รบเพื่อแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ เครือข่ายแม่น้ำรัฐฉานกระตุ้นนักลงทุนสร้างเขื่อนทุกแห่งในแม่น้ำสาละวินและลำน้ำสาขาต่าง ๆ ในพม่า ให้ยกเลิกแผนการสร้างเขื่อนเหล่านี้โดยทันที เพราะตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง การเดินหน้าสร้างเขื่อนเหล่านี้จะเร่งให้เกิดการสู้รบที่ดำเนินสืบมาหลายทศวรรษต่อไป และทำให้ชีวิตของพลเรือนในพื้นที่เสี่ยงภัยมากขึ้น
เขื่อนเมืองโต๋น ถือเป็น 1 ใน 3 โครงการเขื่อนที่จะก่อสร้างในแม่น้ำสาละวินในรัฐฉาน เดิมมีแผนก่อสร้างเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขนาด 7,000 เมกกะวัตต์ สันเขื่อนสูง 231 เมตร ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยขนาดอ่างเก็บน้ำเท่ากับประเทศสิงคโปร์ ครอบคลุมความยาว 2 ใน 3 ของรัฐฉาน แต่ปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนการออกแบบโครงการให้มีเป้าหมายผลิตกระแสไฟฟ้า 3,000 เมกกะวัตตฺ์ โดยร้อยละ 90 จะขายกระแสไฟฟ้าให้กับประเทศไทย ขณะที่ชุมชนในพื้นที่คัดค้านโครงการเขื่อนอย่างแข็งขัน มีการประท้วงและล่ารายชื่อต่อต้านเขื่อนหลายครั้ง โดยเมื่อ 29 สิงหาคม 2559 คณะกรรมการเอกภาพรัฐฉาน ที่ประกอบด้วยพรรคการเมืองหลักในรัฐฉานและกลุ่มติดอาวุธชาวไทใหญ่ ได้ออกมาระบุว่า เขื่อนเหล่านี้คุกคามชีวิต ทรัพย์สินและบ้านเรือนของประชาชน ทั้งยังทำลายระบบนิเวศ และการเดินหน้าโครงการเขื่อนเหล่านี้จะเร่งให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น