เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำอูซึ่งเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขงที่ใหญ่สุดในประเทศลาว ซึ่งทางการลาวได้ให้สัมปทานแม่น้ำอูทั้งสายแก่บริษัทด้านพลังงานใหญ่ของจีน Power China ในการก่อสร้างเขื่อน 7 แห่ง โดยระหว่างวันที่ 8-12 พฤษภาคมผู้สื่อข่าวสำนักข่าวชายขอบได้ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลในหลายจุดตั้งแต่เมืองยอดอูซึ่งเป็นต้นแม่น้ำอูไปจนถึงเมืองขวาในแขวงพงสาลี
ทั้งนี้จากการสำรวจที่เมืองขวาพบว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณท่าเรือของแม่น้ำอูได้รับแจ้งจากทางการให้ย้ายออกจากพื้นที่ เนื่องจากอีกไม่นานเขื่อน 3 และเขื่อน 4 ซึ่งกั้นแม่น้ำอูตอนล่างเมืองขวากำลังจะสร้างเสร็จภายใน 2 ปี ดังนั้นจึงจะทำให้บริเวณดังกล่าวถูกน้ำท่วม
“ช่วงหลังธุรกิจเดินเรือค่อนข้างย่ำแย่ ผมมีเรืออยู่ 3 ลำ เมื่อก่อนมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะ เขามักเหมาเรือมาจากหลวงพระบางบ้าง หนองเขียวบ้าง เมืองงอยบ้างมาถึงที่นี่ แต่เดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวน้อยมาก เพราะเขาก่อสร้างเขื่อน ทำให้ไม่สามารถล่องเรือตามลำน้ำไปได้ตลอด พอถึงจุดสร้างเขื่อนก็ต้องลงเรือและไปต่อเรือใหม่อีกด้านหนึ่งของเขื่อน ทำให้นักท่องเที่ยวไม่นิยมมาถึงที่นี่ เขามาแค่เมืองงอยแล้วก็กลับ”เจ้าของเรือโดยสารรายหนึ่ง กล่าว
เจ้าของเรือโดยสารรายนี้กล่าวด้วยว่า เขาและชาวบ้านอีกหลายสิบครอบครัวกำลังเตรียมตัวย้ายบ้านเพราะบ้านหลังเดิมจะถูกน้ำท่วม หลังจากเขื่อนสร้างเสร็จและกักเก็บน้ำในอีก 2 ปีข้างหน้า
ขณะที่ชาวประมงรายหนึ่งที่พึ่งเสร็จสิ้นจากการหาปลา เล่าว่า แม้ยังพอหาปลาได้อยู่บ้าง แต่ได้ไม่มากเหมือนเดิมแล้วเพราะแม่น้ำอูด้านบนของเมืองขวามีเขื่อน 5 ซึ่งสร้างเสร็จแล้วกั้นอยู่ ทำให้ปลาไม่สามารถอพยพได้ ปลาจำนวนมากเลยเข้าไปหากินในลำน้ำพากซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำอู
“ผมเองก็ไม่รู้ว่าพอที่นี่ถูกน้ำท่วมและมีสภาพเหมือนอ่างเก็บน้ำแล้ว เราจะยังหาปลาอยู่ได้หรือไม่ แต่ทางการบอกว่าจะหาปลามาให้เลี้ยงในกระชัง”ชาวประมง กล่าว
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจแม่น้ำอูตอนต้นที่เมืองยอดอู พบว่าตลาดสองฟากแม่น้ำอูยังมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์โดยเฉพาะป่าไม้และลำธารต่างๆที่ไหลลงแม่น้ำอู อย่างไรก็ตามชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าเมื่อเร็วๆนี้ตนและเพื่อนบ้านอีก 30 ครอบครัวต้องย้ายจากหมู่บ้านเดิมไปอยู่ที่อื่นเพราะบริเวณดังกล่าวทางการแจ้งว่าน้ำจะท่วม หากมีการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำอู 7 แล้วเสร็จในอีกไม่เกิน 2 ปี
“พวกเราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะพื้นที่ใหม่ที่เขาให้เราไปอยู่นั้นไม่สบายเหมือนหมู่บ้านเดิม หาอยู่หากินก็ยากกว่ามากเพราะไม่ได้อยู่ติดแม่น้ำเหมือนเก่า” ชาวบ้านซึ่งจำใจย้ายบ้าน กล่าว
ทั้งนี้แม่น้ำอู เป็นลำน้ำสาขาที่ใหญ่ของแม่น้ำโขงในลาว กำเนิดจากภูเขาบริเวณชายแดนจีน-ลาว ไหลผ่านแขวงพงสาลี แขวงอุดมไซ และไหลลงแม่น้ำโขงที่เมืองหลวงพระบาง รวมความยาวทั้งสิ้น 475 กิโลเมตร โดยแม่น้ำอูมีความงามโดดเด่นจนเป็นที่เลื่องลือในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากนานาชาติ โดยเฉพาะเส้นทางล่องเรือจากเมืองขวา-เมืองงอย-หนองเขียว-ปากอู ซึ่งแม่น้ำไหลคดเคี้ยวผ่านเทือกเขาสูงที่เป็นหินปูนสูงตระหง่านและมีหมู่บ้านของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆปักหลักอยู่ตามที่ราบแคบๆ โดยพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นสมรภูมิการต่อสู้ที่สำคัญในช่วงสงครามอินโดจีน ซึ่งชาวบ้านต่างอาศัยภูมิประเทศภูเขาสูงหลบระเบิดที่สหรัฐฯใช้เครื่องบินไปหย่อนจำนวนมหาศาล
ปัจจุบันรัฐบาลลาวได้ให้สัมปทานแม่น้ำทั้งสายให้แก่บริษัทจีน Power China ในการพัฒนาเขื่อนทั้งลุ่มน้ำ ประกอบด้วยเขื่อน 7 แห่ง (Nam Ou River Cascade) โดยโครงการแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ในระยะที่ 1 ได้แก่เขื่อนน้ำอู 2,5,6 เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2012 ขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมด ซึ่งอพยพประชาชน 820 ครัวเรือน จำนวน 4,398 คน โดยอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่บริษัทจัดให้ทั้งหมด 9 แห่ง และเขื่อนเหล่านี้เริ่มส่งไฟฟ้าเข้าสู่ระบบไฟฟ้าของลาวเมื่อปลายปี 2015 ขณะที่เขื่อนระยะที่ 2 ได้แก่เขื่อนน้ำอู 1,3,4,7, กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และเตรียมย้ายชาวบ้านอีกหลายหมู่บ้าน
เขื่อนชุดแม่น้ำอูมีกำลังผลิตติดตั้งรวม 1,280 เมกะวัตต์ ซึ่งนับตั้งแต่มีการสร้างเขื่อน ทำให้เส้นทางเดินเรือท่องเที่ยว ถูกตัดขาดออกจากกัน เนื่องจากเขื่อนทั้งหมดไม่มีการสร้างช่องทางเดือนเรือ (ship lock) ทำให้ไม่สามารถสัญจรเรือผ่านเขื่อนได้
อนึ่ง บริษัทพาวเวอร์ไชน่า มีแผนที่จะก่อสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขง คือโครงการเขื่อนปากลาย ตั้งอยู่ในแขวงปากลาย สปป. ลาว ห่างจากชายแดนไทย ที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เพียงประมาณ 100 กิโลเมตร