เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 สำนักข่าวเคพีแอล รายงานว่า เขื่อนดอนสะโฮง ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองโขง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว และเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำบนแม่น้ำโขงสายหลักแห่งที่ 2 เตรียมที่จะผลิตไฟฟ้า 2,000 กิโลวัตต์ ในปี 2562 โดยคาดว่าเขื่อนนี้จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในภาคใต้ของลาวรวมทั้งแขวงจำปาสัก ที่กำลังเจริญเติบโตมากที่สุดแห่งหนึ่งในสปป.ลาว อย่างไรก็ตามปริมาณการผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่จะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือ ไทยและกัมพูชา
นายคำมะนี อินทะลาด รัฐมนตรีประจำกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน ได้เดินทางลงพื้นที่หัวงานเขื่อนดอนสะโฮงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำดอนสะโฮง ในภาคใต้ของลาว ซึ่งเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนมกราคม ปี 2559 โดยบริษัทดอนสะโฮงพาวเวอร์ของมาเลเซีย
นาย ซิม ซี เซ็ง หัวหน้าวิศวกรโครงการกล่าวระหว่างการสนทนากับนายคำมะนีว่า ขณะนี้การก่อสร้างเขื่อนคืบหน้าประมาณ 60 % ตามแผนการก่อสร้าง ขณะที่นายคำมะนี กล่าวชื่นชมการจัดการและความก้าวหน้าของงานก่อสร้างที่เจ้าหน้าที่ได้ทุ่มเทแรงกายเพื่อให้โครงการสามารถบรรลุตามแผนที่ตั้งไว้ และเชื่อว่าโครงการนี้จะก่อผลประโยชน์ให้กับประเทศและปฏิบัติตามกฎหมายและเป็นไปตามมาตรฐานของสปป.ลาว
อนึ่ง เขื่อนดอนสะโฮง เป็นเขื่อนไฟฟ้าที่เสียงคัดค้านจากสมาชิกประเทศลุ่มน้ำโขงอยางหนัก เนื่องจากเขื่อนได้ก่อสร้างปิดกั้นช่องทางปลาผ่านที่สำคัญที่สุดในเขตแม่น้ำโขงตอนล่าง โดยรายงานของสำนักงานประมงโลกระบุว่า เป็นช่องทางที่มีปลาอพยพมากถึง 30 ตันต่อชั่วโมง และเป็นช่องที่ปลาอพยพได้ตลอดทั้งปี โดยคือบริษัทเมกะเฟริก์ สัญชาติมาเลเซีย และมีบริษัทซิโนไฮโดร ของจีนเป็นผู้รับสัมปทานในการก่อสร้าง ระหว่างการก่อสร้างเขื่อนได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการหาปลาของชาวบ้านในเขตเมืองโขง
ทั้งนี้รัฐบาลลาวได้ออกกฎหมายห้ามการทำหลี่ เครื่องมือประมงพื้นบ้านของชาวบ้านแถบนั้น และการระเบิดระหว่างก่อสร้าง ได้ทำให้โลมาอริวะดีเสี่ยงต่อการสูญพันธ์และอพยพย้ายถิ่นจากเดิม โดยชาวประมงหาปลาได้ยากมากขึ้น และเกิดการอพยพแรงงานไปทำงานที่ประเทศไทยมากขึ้นกว่าเดิม
————–
ที่มา http://kpl.gov.la/En/Detail.aspx?id=33918
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.