
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม นายนิรันดร์ พงษ์เทพ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านบางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า บริเวณต้นน้ำเพชรมีฝนตกติดต่อกันมาหลายสัปดาห์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ปริมาณน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นจนท่วมถนนที่ใช้สัญจรระหว่างหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอยและภายนอก ทำให้วันนี้ชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านไม่สามารถออกไปข้างนอกได้นอกจากทางเรือ
“ตอนนี้ข้าวสารในหมู่บ้านเหลือน้อยมาก ชาวบ้านพยายามกินกันอย่างประหยัดๆ บางทีก็ใช้วิธีเคี่ยวข้าวกิน ส่วนกับข้าวนั้นไม่ยากเพราะหาปลาและหาผักได้” นายนิรันดร์กล่าว และว่าขณะนี้มีชาวบ้านบางกลอยอยู่ 97 หลัง โดยที่ผ่านมาได้รับข้าวสารจากทางอำเภอและอุทยานฯ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐให้ข่าวผ่านสื่อมวลชนบางสำนักข่าวระบุว่า การโค่นตัดไม้บนป่าใหญ่ในใจแผ่นดินและบางกลอยเก่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ปริมาณน้ำมหาศาลไหลลงเขื่อนแก่งกระจานจนรองรับไม่ไหว นายนิรันดร์กล่าวว่า ตนได้เห็นภาพแล้วว่า บางภาพเป็นภาพเก่าตั้งแต่สมัยที่มีการบุกขนอพยพชาวบ้านไป ที่สำคัญคือสาเหตุของน้ำท่วมด้านล่างครั้งนี้ก็ไม่เกี่ยวกับต้นแม่น้ำเพชร ตนเห็นว่าหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีพื้นที่ใดถูกบุกรุกก็น่าจะไปจับกุมให้เด็ดขาด ไม่ใช่มาโทษชาวบ้านเช่นนี้
ด้านนายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวว่า ที่บ้านโป่งลึก บางกลอย ขณะนี้แม่น้ำเพชรบุรีไหลเต็มตลิ่ง ทำให้เข้าท่วมถนนเข้าหมู่บ้าน ประมาณ 1-2 เมตร เป็นจุดๆ 3 ช่วง รถยนต์ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้การเดินเท้าเลาะไปตามสันเขา หรือใช้เรือ เพื่อเข้าไปต่อรถที่จอดอยู่อีกฝั่งเดินทางเข้าไปในหมู่บ้าน จากการตรวจเช็กทราบว่าในหมู่บ้านยังพอมีข้าวเหลืออยู่ แต่เครื่องประกอบอาหารในร้านค้าหมู่บ้าน ถูกขายไปหมดแล้ว โดยเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางอุทยานได้เข้าไปช่วยเหลือหญิงสูงอายุในหมู่บ้านที่ป่วย ซึ่งเบื้องต้นอาการปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ในหมู่บ้านยังมีเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.พระยาเสือ เจ้าหน้าที่อุทยาน และเจ้าหน้าที่ ตชด. คอยช่วยเหลือชาวบ้านอยู่ และหากสถานการณ์ดีขึ้น จะรีบเคลื่อนย้ายสิ่งของ โดยเฉพาะอาหารเข้าไปในพื้นที่โดยเร็ว

นายมานะ กล่าวอีกว่า ในส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำล้นเขื่อนแก่งกระจาน ทำให้ไหลเข้าท่วมตัวเมืองเพชรบุรีเกิดจากการบุกรุกทำลายป่าของคนกะเหรี่ยงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น อยากจะชี้แจงว่า ปริมาณน้ำเขื่อนที่เพิ่งสูงขึ้นจนล้นสปิลเวย์ เกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ไม่ได้เกิดจากการบุกรุกของชาวบ้านแต่อย่างใด อีกทั้งการทำกินของชาวบ้านยังอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่อุทยาน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปบุกรุกในพื้นที่ใหม่เพิ่มจนเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วม และที่ผ่านมาชาวบ้านได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อุทยานอย่างดีในการจำกัดพื้นที่ทำกิน และไม่ได้บุกรุกพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อทำไร่หมุนเวียนตามวิถีชีวิตคนกะเหรี่ยง อยากให้แยกปัญหาบุกรุกกับปัญหาน้ำท่วมออกจากกัน คือเรื่องการทำกินของชาวบ้านยังอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ ส่วนน้ำที่ท่วมนั้นยืนยันได้ว่าเกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก