
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2561 เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง ได้ส่งจดหมายถึงประธานบริษัท.บริษัท ช.การช่าง จำกัด ในฐานะผู้ลงทุนและผู้ก่อสร้าง โครงการเขื่อนไซยะบุรี เพื่อขอให้เปิดเผยข้อมูลการออกแบบเขื่อนและเปิดเผยเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงและมาตรการเฝ้าระวังและความปลอดภัยของกรณีเขื่อนไซยะบุรีต่อประชาชนที่อยู่ท้ายน้ำโดยระบุว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์เขื่อนคันดิน D ของเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ที่แขวงอัตตะปือแตกและทำให้เกิดผลกระทบอย่างหนักต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเซเปียนซึ่งอิงตามรายงานการประเมินความเสียหายของสหประชาชาติ ระบุว่า มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากภัยพิบัติครั้งนี้มากกว่า10,000 คน มีผู้เสียชีวิต และบ้านเรือนของประชาชนและวัดวาอาราม และทรัพย์สินของประชาชนเสียหายเป็นจำนวนมาก รวมถึงพื้นที่เกษตรกรรม ถนนและสะพานเข้าไปยังชุมชนก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก นอกจากนี้ตามรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศและสำนักข่าวของกัมพูชารายงานว่า เหตุการณ์เขื่อนเซเปียน เซน้ำน้อยแตก ปริมาณน้ำที่ไหลออกมาได้ส่งผลกระทบข้ามพรมแดน โดยเกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ตำบลแสนปาง เมืองสตรึงเตร็ง ประเทศกัมพูชา ซึ่งชุมชนนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเซกอง ทำให้ชาวบ้านหลายพันครอบครอบต้องมีการอพยพโยกย้ายอย่างฉุกเฉินไปยังพื้นที่สูง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดความกังวลใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขื่อนที่กำลังก่อสร้างบนแม่น้ำโขงสายหลัก โดยเฉพาะชาวบ้านที่อยู่อาศัยใน 7 จังหวัดภาคอีสาน
ในจดหมายระบุว่าเครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง มีชุมชนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และ อุบลราชธานี ซึ่งเป็นเครือข่ายที่รวมตัวกันเพื่อติดตามนโยบายการพัฒนาบนแม่น้ำโขงและส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความกังวลใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดในสปป.ลาวครั้งนี้ จึงขอให้หน่วยงานของท่าน ในฐานะผู้ลงทุนและผู้ก่อสร้างโครงการเขื่อนไซยะบุรี เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ การออกแบบเขื่อนและมาตรการจัดการความเสี่ยงและมาตรการการเตือนภัยของเขื่อนไซยะบุรีต่อประชาชนที่อยู่ท้ายน้ำ และหากเป็นไปได้อยากให้หน่วยงานเปิดการประชุมร่วมกับชุมชนและหน่วยงานต่างๆในประเทศไทย เพื่อเตรียมพร้อมกับภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และท่านเองคงทราบดีว่ามีประชาชนอาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงเป็นจำนวนมากรวมถึงตัวเมืองใหญ่ๆที่เป็นเขตสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ
———–