เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 นายจุมพล อภิสุข ศิลปินผู้บุกเบิกศิลปะการแสดงสด และอดีตคณะกรรมการมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่าเมื่อวานนี้คณะผู้บริหารของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เชิญคณะกรรมการมูลนิธิฯไปร่วมหารือ ณ ศาลาว่าการกทม.โดยมีนายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าฯ เป็นประธาน ซึ่งในที่ประชุมนายทวีศักดิ์ได้พูดย้ำอย่างน้อย 5 ครั้งว่ากทม.ไม่มีความคิดที่จะเข้าไปบริหารหอศิลป์ฯ เอง
นายจุมพลกล่าวว่า นายทวีศักดิ์กล่าวในที่ประชุมว่า กทม.จะช่วยเหลือจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้หอศิลป์ตลอดปีนี้ และให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องงบประมาณในปี 2561/2562 ว่าจะช่วยเหลือหอศิลป์ได้อย่างไร ขณะที่ฝ่ายกฎหมายของกทม.ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้สัญญาระหว่างกทม.กับหอศิลป์ใหม่ ซึ่งสัญญาดังกล่าว กทม.ระบุว่าเป็นเหตุให้ไม่สามารถจ่ายเงินอุดหนุนให้หอศิลป์ฯ เหมือนในอดีตเพราะสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตีความว่าไม่สามารถทำได้
ศิลปินผู้บุกเบิกศิลปะการแสดงสดกล่าวว่า ในที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหากรรมการมูลนิธิหอศิลป์ ซึ่งมีนายพลถึง 3 คนคือ พลเรือเอก ณะ อารีนิจ พลเอกธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ และพลเอกชาติอุดม ติตถะสิริ เป็นกรรมการ ขณะที่มีผู้รู้ด้านศิลปวัฒนธรรมเพียงคนเดียวคือนายสุธี คุณาวิชชยานนท์
“ไม่ใช่เราจะดูถูกว่าทหารไม่มีความรู้ความสามารถ แต่เราต้องตั้งคำถามว่า พวกท่านเป็นผู้รู้ด้านศิลปวัฒนธรรมด้วยหรือไม่ เพราะงานของหอศิลป์ไม่ใช่ดูแลแค่ดูแลตัวอาคารหรือบุคลากรของหอศิลป์เท่านั้น แต่ยังต้องดูแลประชาชนที่มาใช้บริการอย่างน้อยปีละ 1.7 ล้านคน ต้องประสานกับกลุ่มศิลปินและชุมชนศิลปิน รวมทั้งเครือข่ายต่างๆ คนเหล่านี้คิดว่าหอศิลป์คือสถาบันและตั้งอยู่บนความคาดหวัง เพราะฉะนั้นการได้มาซึ่งกรรมการมูลนิธิฯ จึงสำคัญ” นายจุมพล กล่าว และว่านายทวีศักดิ์บอกว่าจะนำประเด็นดังกล่าวไปเรียนผู้ว่าฯ เพราะปัจจุบันยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา ส่วนที่ประชุมไปครั้ง 1 แล้วนั้นเป็นแค่การปรึกษาหารือกัน
“เราได้บอกไปว่าการเคลื่อนไหวของศิลปินและประชาชนกลุ่มต่างๆ หอศิลป์ควบคุมไม่ได้ เพราะศิลปินไม่ใช่ราชการที่จะไปสั่งห้ามพูดอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เรื่องใดที่เป็นภารกิจของหอศิลป์เราก็พร้อมชี้แจง แต่เรื่องใดเป็นเรื่องของ กทม.ก็ต้องให้ กทม.ชี้แจงเอง” นายจุมพล กล่าว
ด้านนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.สิวรักษ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว กทม.มีงานอยู่มากมายจนเต็มมือ แต่ยังคิดที่จะไปยึดหอศิลป์มาทำเองอีก ทั้งที่ควรปล่อยให้หอศิลป์เป็นของประชาชนและเป็นตัวของตัวเอง กทม.ไม่ควรทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดและไม่มีความสามารถ ถ้าทำเช่นนั้นมันเผด็จการ
“มีงานอื่นเยอะแยะรอให้ กทม.ไปสะสาง อย่างเรื่องการลอกแม่น้ำเจ้าพระยา ทำไมถึงไม่ไปทำ แต่ดันจะมายึดหอศิลป์ ในต่างประเทศมีแต่เขาปล่อยให้หอศิลป์เป็นตัวของตัวเอง” ส.ศิวรักษ์ กล่าว