
เมื่อวันที่ 11กันยายน 2562 นายบุญสืบ เผือกอ่อน เครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมพู ต.ชมภู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลกเปิดเผยว่า สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 4 กรมชลประทาน มีหนังสือถึงนายกองค์การบริหารตำบลชมภูให้เชิญชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมเวทีประชาคมการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำวังชมภู ที่จะจัดขึ้นที่ศาลาอเนกประสงค์ของวัดชมพู ในเวลา 09.30 น. ซึ่งชาวบ้านในชุมชนเตรียมเข้าร่วมในเวทีอย่างพร้อมเพรียง เพราะมีจุดยืนคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำชมพูมาโดยตลอดเวลา เนื่องจากเป็นพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำน่าน อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง และเป็นแหล่งที่อาศัยตามธรรมชาติของจระเข้พันธุ์ไทยแท้ และแหล่งที่พบศิลาวารีหรือดอกไม้น้ำเพียงแห่งเดียวของประเทศ
นายบุญสืบกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมากรมชลประทานพยายามผลักดันการสร้างเขื่อนมาโดยตลอด แม้รัฐบาลเคยมีคำสั่งยกเลิกไปพร้อมกับโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทบาท ในสมัยรัฐบาลยิ่งรักษ์ ชินวัตร โดยล่าสุดชาวบ้านได้รับข้อมูลมาว่า จะมีการปรับรูปแบบโครงการ เพื่อเลี่ยงกระแสคัดค้าน โดยจะไปสร้างเขื่อนขนาดย่อมในพื้นที่บ้านวังแดงที่อยู่ทางเหนือ และบ้านน้ำปาดที่อยู่ทางใต้ของลำน้ำ

“ชาวบ้านยังไม่ทราบรายละเอียดของเขื่อนที่กลับมาอีกครั้ง เพราะชาวบ้านเพิ่งรู้ข่าวจัดประชุมเมื่อเย็นวาน และผู้ใหญ่บ้านเพิ่งประกาศเสียงตามสายเมื่อเช้า มีข่าวมาตลอดว่าจะเป็นเขื่อนขนาดเล็ก แต่ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะหน่วยงานรับผิดชอบคือสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ คงไม่ใช่โครงการขนาดเล็กอย่างที่หน่วยงานรัฐพยายามสร้างกระแสอย่างแน่นอน” นายบุญสืบกล่าว
นายบุญสืบกล่าวอีกว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดจึงมีการเดินหน้าโครงการเขื่อนในช่วงน้ำท่วมเช่นนี้ ซึ่งน้ำท่วมถือเป็นเรื่องปกติของพื้นที่ที่จะมีน้ำหลากประจำทุกปี ระดับน้ำก็ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนในป่า และหากดูบทเรียนจากพื้นที่ที่มีเขื่อนทั่วประเทศก็ยังคงมีปัญหาน้ำท่วม ดังนั้นการมีเขื่อนจึงไม่รับรองว่าพื้นที่ใต้เขื่อนจะไม่เจอน้ำท่วม และในลาวเพิ่งมีเหตุการณ์เขื่อนแตกชาวบ้านก็ได้ติดตามข่าว ชุมชนในลาวก็เจอน้ำพัดหายไปทั้งชุมชน หากสร้างเขื่อนกั้นคลองชมพู ชุมชนของเราก็ต้องอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงกับเขื่อนแตกหรือการปล่อยน้ำของเขื่อน