
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2562 นายประยงค์ ดอกลำไย แกนนำขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟ ให้สัมภาษณ์ในช่วงค่ำถึงความคืบหน้าในการเจรจากับตัวแทนรัฐบาลเป็นวันที่ 3 ว่า วันนี้ได้หารือในเรื่องข้อเรียกร้องเชิงนโยบาย 9 เรื่อง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตย การส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน การกระจายอำนาจ การปฎิรูปที่ดิน การคุ้มครองวิถีชีวิตชนเผ่าชาติพันธุ์ ซึ่งทั้งหมดเพื่อลดการเหลื่อมล้ำและไม่ใช่แค่เรื่องของพีมูฟเท่านั้น ช่วงบ่ายวันนี้ได้มีการหารือแต่เกิดปัญหาความเข้าใจผิดพลาดโดยเฉพาะเรื่องการสร้างกลไกแก้ไขปัญหา ซึ่งพีมูฟต้องการให้มีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการแก้ปัญหาโดยมีรองนายกฯเป็นประธาน แต่สำนักนายกฯกลับแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการแก้ไขปัญหามวลชนทั่วไปโดยไม่ได้ระบุกลุ่มปัญหาและสัดส่วนของภาคประชาชน ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน

“ทุกๆรัฐบาลได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพีมูฟ แม้แต่รัฐบาลชุดก่อน เมื่อเกิดความผิดพลาดเช่นนี้ จึงทำให้พวกเราไม่สามารถกลับบ้านได้เหมือนที่ตั้งเป้าไว้ แต่คาดว่าวันพรุ่งนี้นายกฯจะลงนามใหม่ได้ก่อนเที่ยง หากเป็นเช่นนั้น ไม่เกินช่วงบ่ายพวกเราก็จะสลายชุมนุมกันไป และกลับมาอีกครั้งในการประชุมครั้งแรกภายใน 30 วัน”นายประยงค์กล่าว และว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการฯเป็นหัวใจสำคัญ แต่เมื่อเกิดความผิดพลาดไม่เข้าใจกันทำให้พีมูฟถูกกดดันให้ย้ายการชุมนุมออกไป แต่จากการหารือกับรองผู้บัญชาการทหารบกปรากฎว่าเราไม่ได้ขัดขวางการจัดงานใดๆของกองทัพบก
ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า พีมูฟได้เคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานประธานศาลฎีกา บริเวณสนามหลวง เพื่อยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา เรื่องขอความเป็นธรรมในการแก้ปัญหาด้านคดีความของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หลังจากนั้นแกนนำพีมูฟได้หารือกับตัวแทนรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาล แต่เกิดความผิดพลาดเมื่อคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหา ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจและประกาศจะยกระดับการต่อสู้และยังไม่ยอมเดินทางกลับทั้งๆที่วางแผนจะเดินทางกลับในช่วงเย็น และได้เกิดการเผชิญหน้ากับตำรวจจนบรรยากาศตรึงเครียดและหวิดปะทะกันโดยแกนนำพีมูฟสั่งให้สมาชิกเตรียมพร้อมเพราะสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ

ทั้งนี้พีมูฟได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดในช่วงค่ำวันเดียวกันถึงกรณีเจ้าหน้าที่กดดันให้ย้ายที่ชุมนุมโดยอ้างจะมีการประชุมกองทัพกลุ่มภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก ว่าตามที่พีมูฟได้มาชุมนุมติดตามการแก้ปัญหากับรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2562 โดยตัวแทนรัฐบาลได้ลงมาหารือและประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แล้วรับหลักการแนวทางแก้ไขปัญหา 6 ประการ พร้อมแผนการแก้ไขปัญหา และมีการหารือเบื้องต้นระหว่างนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2562 โดยพีมูฟ ได้ยืนยันว่า ปัญหาทุกรายกรณีต้องมีหลักประกันในการแก้ไข ข้อเสนอเชิงนโยบายต้องมีกลไกขับเคลื่อน รวมทั้งให้การแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาต้องให้รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบโดยตรงมาเป็นประธาน พร้อมรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตัวแทนพีมูฟเป็นกรรมการในสัดส่วนที่เท่ากัน หากแต่ดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นไปตามข้อเสนอ จนต้องมีการหารือนอกรอบกับนายเทวัญ อีกครั้งและรับหลักการว่าจะแต่งตั้งคณะกรรมการพีมูฟตามข้อเสนอแล้ว แต่รอให้นายกรัฐมนตรีลงนามฯ
ในแถลงการณ์ระบุว่า หากแต่ระหว่างการรอคำสั่งแต่งตั้งฯ พีมูฟซึ่งยังปักหลักชุมนุมหน้าองค์การสหประชาชาติ ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจขอร้องให้ย้ายการชุมนุมไปยังจุดที่เตรียมไว้ โดยอ้างว่า จะมี “การประชุมกองทัพกลุ่มภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก” จะทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศนั้น หากแต่ความจริงแล้วเราได้ทราบข้อมูลว่าเป็นการจัดพิธีใหญ่รับมอบยานเกราะสไตรเกอร์ โดยกองทัพบกได้นำยานเกราะล้อยางเกราะสไตรเกอร์ จำนวน 4 คัน จาก 10 คันที่ได้เดินทางมาถึงประเทศแล้วเข้าพิธีดังกล่าว
“การชุมนุม P-Move ที่ปักหลักเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาบริเวณเกาะกลางถนนราชดำเนินหน้าองค์การสหประชาชาติลากยาวมาถึงกองบัญชากกองทัพบกนั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดพิธีภายในกองทัพบก รวมทั้งภาพลักษณ์ของประเทศ จึงไม่จำเป็นต้องส่งทหารมาเจรจาขอคืนพื้นที่ เราขอขอบคุณกองทัพบกที่เข้าใจปัญหาความเดือดร้อนร้อนของประชาชน เราขอยืนยันว่า เราไม่มีเจตนาทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาที่ผ่านมามีความคืบหน้าเป็นลำดับ หากแต่ความล่าช้าที่ทำให้เราต้องชุมนุมรอคำสั่ง เกิดจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนเวลาล่วงเลยจนมืดค่ำ รวมทั้งลมฝนกระหน่ำทำให้ยากลำบาก ต่อการเคลื่อนย้าย ข้าวของ เสื้อผ้า อุปกรณ์ต่าง ๆ การเดินทางของพี่น้อง และอื่น ๆ” แถลงการณ์ระบุ
////////////////////////