Search

มึนอุทยานฯแจ้งความดำเนินดคี 4 ชาวบ้านบางกลอย นักกฎหมายจวกจองล้างจองผลาญหลังแพ้คดีศาลปกครอง

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 มีรายงานข่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มอบอำนาจให้นายอรรถพงษ์ เกาอ่อนและ นส.เนตรนภา งามเนตร แจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.แก่งกระจานกับชาวบ้านบางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี 4 คน ประกอบด้วย 1.นายแจ พุกาด 2.นายหมี ต้นน้ำเพชร 3.นายดูอู้ จีโบ้ง 4.นายบุญชู พุกาด ในข้อหายึดถือหรือครอบครองที่ดิน รวมตลอดถึงก่นสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า โดยก่อนหน้านี้ชาวบ้านทั้ง 4 คนนี้ได้ร่วมกับนายโคอี้ มีมิ หรือปู่คออี้ และนายกื้อ พุกาด ได้ฟ้องต่อศาลปกครองกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานรื้อเผาทำลายทรัพย์สินเมื่อปี 2554 จนกระทั่งเดือนกันยายน 2559 ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่รัฐกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและมีคำสั่งให้จ่ายค่าเสียหายให้กับชาวบ้านทั้ง 6 คน (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว 2 คนคือปู่คออี้และนายกื้อ)

นายบุญชู พุกาด ชาวบ้านบางกลอยกล่าวว่า ยังรู้สึกงุนงงและไม่ทราบว่าถูกแจ้งความดำเนินคดีเรื่องอะไร โดยก่อนหน้านี้ศาลปกครองสูงสุดได้สั่งให้กรมอุทยานฯ ชดใช้ค่าเสียหายให้ตนเป็นเงิน 45,000 บาท

นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า ชาวบ้านที่ถูกแจ้งความครั้งนี้กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวที่ฟ้องกรมอุทยานฯ ที่เผาบ้าน ซึ่งนำโดยปู่คออี้ และศาลปกครองสูงสุดตัดสินว่าเจ้าหน้าที่ทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและต้องจ่ายค่าเยียวยาให้ชาวบ้านทั้งหมด 6 ราย ซึ่งในคำพิพากษายังบอกให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี พศ.2553 ในการฟื้นฟูและคุ้มครองวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง แต่กลับไม่ปฏิบัติตามแถมยังดำเนินคดีกับชาวบ้านอีกถือว่าเป็นการขัดคำสั่งศาลสูงสุด

“ผมคิดว่าการแจ้งความดำเนินคดีกับชาบ้านครั้งนี้เป็นการจองล้างจองผลาญกับชาวบ้านมากกว่า ผมไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ที่ไปแจ้งความได้รับมอบหมายจากอธิบดีหรือไม่ แต่การจองเวรกันเช่นนี้อาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองสูงสุดบอกชัดว่าชาวบ้านอยู่มาหลายร้อยปีและเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ดังนั้นการดำเนินการครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ อาจมีความผิดเสียเอง” นายสุรพงษ์ กล่าว

นายสุรพงษ์กล่าวว่า อยากฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยว่าหากมีการกลั่นแกล้งหรือหาเรื่องกัน ก็ควรให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านด้วย เพราะไม่ควรเป็นเครื่องมือของเจ้าหน้าที่

นายเพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า เรื่องนี้ควรรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย ไม่ใช่ตัดสินว่าชาวบ้านทั้ง 4 คนบุกรุกตามข้อกล่าวหา เพราะการที่เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจสนธิกำลังขึ้นไปทำลายข้าวของของชาวบ้าน แถมยังกล่าวหาแจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้านอีก โดยคนที่ถูกกล่าวหาแทบไม่มีโอกาสได้ชี้แจง แถมยังออกข่าวใหญ่โตจนสังคมเข้าใจผิด ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและไม่ให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้าน เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งออกมาแล้ว แต่ก็ยังไม่จบ ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นเรื่องของการล้างแค้นกัน

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งให้กรมอุทยานฯชดใช้ค่าเสียหายให้กับชาวบ้านทั้ง 6 คน ซึ่งภายหลังจากที่กรมอุทยานฯได้จ่ายเงินให้กับชาวบ้านแล้ว ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงการกระทำของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในครั้งนั้น เพื่อดำเนินการเรียกเงินคืนจากเจ้าที่หน้ารัฐที่ทำให้ราชการเสียหาย อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวไม่มีการแถลงให้สังคมได้รับทราบ และยังเป็นที่สงสัยของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญคือการแจ้งความกับชาวบ้านทั้ง 4 คนในครั้งนี้ น่าจะเชื่อมโยงเพื่อหาแนวทางในการต่อสู้ของเจ้าหน้าที่รัฐบางราย


On Key

Related Posts

หวั่นท่องเที่ยวพินาศหลังน้ำกกกลายเป็นสีขุ่นข้นจากเหมืองทองตอนบนในพม่า นายกฯอบต.ท่าตอนเตรียมทำหนังสือจี้รัฐบาลเร่งแก้ไข-ชาวเชียงรายเริ่มไม่กล้าเล่นน้ำ เผยปลาหายไป 70% ทสจ.ส่งทีมตรวจสอบคุณภาพน้ำ

———เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 พ.Read More →

ผบ.สส.เร่งหน่วยงานตรวจสอบคุณภาพน้ำกกหลังชุมชนผวาสารพิษเจือปนจากการทำเหมืองทองฝั่งพม่า ภาคประชาชนเผยน้ำกกขุ่นเพิ่มจากปีก่อน 8 เท่าหวั่นกระทบน้ำดิบทำประปา

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดีRead More →