สำนักข่าวชายขอบ
Transborder News

Search

ทหารทัพพระยาเสือเตรียมลุยป่านำตัวชาวบางกลอยกลับออกมา

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 นายนิรันดร์ พงษ์เทพ ผู้ใหญ่บ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เปิดเผยถึงกรณีที่ชาวบ้านบางกลอยกลุ่มใหญ่ได้อพยพหมู่บ้านบางกลอยบนที่อยู่ในป่าใจแผ่นดิน ว่าตนได้รายงานทางวาจาให้ทางอำเภอทราบแล้ว ซึ่งจากการสอบถามญาติพี่น้องที่ยังอยู่ในหมู่บ้านบางกลอยล่าง ทำให้ประมาณการจำนวนชาวบ้านที่อพยพกลับไปครั้งนี้มีราว 35 คน และในวันเดียวกันนี้ได้มีนายทหารระดับสูงของหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เดินมาพบเพื่อติดตามเรื่อง โดยขอให้ตนช่วยประสานกับญาติพี่น้องของคนที่อพยพขึ้นไปเพื่อให้ไปบอกให้ชาวบ้านเหล่านั้นกลับลงมา

“เขาแนะนำว่าใครที่มีญาติที่อยู่ด้านล่างให้รีบขึ้นไปบอกญาติที่อพยพขึ้นไปให้ลงมา เพราะผิดกฎหมาย ถ้าลงมาก่อนที่เจ้าหน้าที่ขึ้นไปจะไม่เป็นไร เขาบอกว่าหลังจากนี้อีก 2-3 วันทหารจะขึ้นไปเอาตัวลงมา ผมตั้งใจว่าตอนเย็นจะประกาศให้ญาติขึ้นไปตามก่อนทหารขึ้นไป” นายนิรันดร์ กล่าว

ขณะที่นายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวว่า ตัวเลข 40 คน เป็นตัวเลขที่จริงหรือไม่ หรือแค่คำโฆษณา แล้วใครบอกให้พวกเขาเข้าไปในป่า ฝ่ายราชการ ฝ่ายเอ็นจีโอ หรือพวกเขาต้องการเข้าไปเอง หรือเป็นการยุยงปลุกปั่น เพราะการเข้าไปถางป่า สร้างกระท่อม ถือเป็นการยึดครอบครองพื้นที่ป่า เป็นการบุกรุกป่าและผิดกฎหมายอย่างชัดเจน

นายมานะ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามกระแสข่าวนี้ ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เข้าไปสำรวจในพื้นที่แล้ว ซึ่งยังไม่พบเจอใคร เลยต้องตั้งคำถามว่ากระแสข่าวดังกล่าวจริงหรือไม่ แต่ก็มีจากการข่าวแจ้งว่ามีประมาณ 8 คน ที่อาจจะเข้ามาในพื้นที่ นอกจากนี้เมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่อุทยานฯแก่งกระจาน ได้ลาดตระเวนในพื้นที่และพบกระท่อมใหม่กลางป่าห่างจากหมู่บ้านบางกลอยประมาณ 16 กิโลเมตร ภายในพบซากเลียงผา 1 ตัว ถูกเลาะเนื้อเหลือแต่หนังกับกระดูก และจากการซุ่มดูก็ไม่พบใครกลับย้อนมาในกระท่อมแห่งนี้อีก ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นกลุ่มที่ลอบขึ้นมาหรือจากกลุ่มเมียนมากันแน่

นายมานะ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมอุทยานฯ ยังคงลาดตระเวนกันอย่างเข้มข้น และส่วนใหญ่ยังลักลอบเข้ามาล่าสัตว์ และหาของป่ากันอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จับกุมดำเนินคดีกันไป แต่ในส่วนของกะเหรี่ยงบางกลอยที่ประกาศจะเข้ามายังกลางใจป่าต้องดูว่าทำในเชิงสัญลักษณ์ หรือต้องการเข้ามาอยู่จริงๆ ซึ่งกรมอุทยานฯต้องยึดหลักทางกฎหมาย ถ้ากฎหมายระบุว่าให้ชาวบ้านเข้ามาอยู่ได้ก็สามารถทำกินได้ตามปกติ แต่หากกฎหมายระบุว่าห้ามอยู่ ก็ต้องดำเนินการเช่นนั้น

On Key

Related Posts