Search

อุทยาน-ทหาร-ตำรวจ-อำเภอ สนธิกำลังสำรวจป่าแก่งกระจาน ลั่นไม่ได้เจาะจงตรวจสอบชาวบ้านบางกลอยที่อพยพกลับถิ่น ผู้ใหญ่เผยยังทยอยกลับขึ้นไปอีก-ทั้งหมดไร้ที่ดินทำกินเคยร้องเรียนสารพัดหน่วยงานแต่เหลว

วันที่ 23 มกราคม 2564 ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ประชุมร่วมกับ นายประสูตร หอมบันเทิง นายอำเภอแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี พ.อ.สนอง ธัญญานนท์ ผอ.กอ.รมน.จ.เพชรบุรี ตำรวจ สภ.แก่งกระจาน และ ตชด.14 ซึ่งเป็นการสนธิกำลังเปิด ศูนย์ปฏิบัติการบินตรวจสอบสภาพป่า

นายมานะ เปิดเผยว่า การบินสำรวจวันนี้เป็นแผนบินประจำปีของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยการสนับสนุนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคงค้างการบิน เมื่อเดือน มิถุนายน 2563 มี 1 จุดที่ยังเดินไปไม่ถึง กองบินฝนหลวงภาคใต้ได้ทำการบินเมื่อเดือนธันวาคม พบการบุกรุกแผ้วถาง 3 จุด รวมแล้ว 4 จุด ทำการตรวจยึดไป 3 จุด วันนี้ไปดูว่า มีการบุกรุกอยู่อาศัยหรือไม่ ซึ่งอยู่ห่างชายแดน 4 กิโลเมตร

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวว่า จุดที่พบการบุกรุก อยู่บริเวณพื้นที่บางกลอยบนและใจแผ่นดิน บริเวณผาใหญ่ และบริเวณห้วยสามแพร่ง เราเจอตั้งแต่ มิถุนายนและธันวาคม เป็นช่วงที่ขอเที่ยวบินไปสำรวจ เป็นการยกเพิงพัก กระท่อม มีการทำพืชเกษตรเล็กน้อย บางแปลงเป็นการปลูกข้าวไร่ 3 ไร่ การสำรวจจุดที่ 4 ที่ห้วยสามแพร่ง ค่อนไปทางตะวันตก เป็นการยกเพิงพัก เป็นพื้นที่แผ้วถางป่า หากถ้าเจอบุคคลดำเนินคดีตามกฏหมาย เนื่องจากเป็นการทำผิด บุกรุกยึดถือครอบครอง ตามกฎหมาย อุทยาน ถือเป็นการกระทำผิด

นายมานะ ยืนยันว่า ปฏิบัติการนี้ไม่ได้เจาะจงไปตรวจสอบชาวบ้านบางกลอย แต่เป็นปฏิบัติการปกติในการสำรวจพื้นที่ป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า มีชาวบ้านบางกลอย กลับไปบ้านใจแผ่นดิน 31 คน แต่จำนวนยังไม่ชัดเจน เมื่อตรวจสอบจากทะเบียนราษฎร พบ 16 คน ซึ่งคงต้องทำความเข้าใจชี้แจงกับชาวบ้านต่อไป ที่

“เราดูแลรักษาทรัพยากรเป็นหน้าที่เป็นบทบาทของ อุทยานแห่งชาติ ที่รักษา การแก้ปัญหาก็หาแนวทางให้กับชาวบ้านมาตลอด ทั้งการรับรองสิทธิที่ดิน เสร็จไปแล้วทั้งหมู่บ้าน ยังมีครอบครัวที่ยังไม่ได้รับ อาจจะขยายเพิ่มเติม เพราะอาจเป็นความกังวลใจในอนาคต จึงต้องแก้ไขปัญหากันต่อไป”นายมานะ กล่าว

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ยืนยันว่า จะไม่มีการใช้วิธีเผาทำลายเหมือนเช่นในอดีต แต่เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกฏหมาย จึงต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติม ว่ามีการรุกล้ำอีกหรือไม่ ทุกขั้นตอนเรายึดหลักกฏหมายมาตลอด ในรอบ 3-4 ปีการทำงานในชุมชนดีขึ้น โดยเฉพาะการรักษาป่า การขยายพื้นที่บุกรุกลดลง

พ.อ.สนอง ธัญญานนท์ ผอ.กอ.รมน.จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า เป็นหน้าที่ความมั่นคง ที่สำรวจตามแนวชายแดนในวงรอบประจำปี สำรวจทราบการบุกรุกเพื่อบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการ ป่าที่บุกรุกทำไร่เลื่อนลอย ส่วนไหนดำเนินคดีได้ก็ต้องดำเนินคดี

นายประสูตร หอมบันเทิง นายอำเภอแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี กล่าวว่า เป็นนโยบายที่สำคัญ ที่ทางอำเภอต้องทำความเข้าใจกับ ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมีการจัดระบบที่ดิน ไฟฟ้า ให้ดีขึ้น บางครั้งในหมู่บ้านชุมชน มีการออกไปทำงานข้างนอก บางครั้งอาจรับข่าวสารที่ไม่ตรง อำเภอจะช่วยสนับสนุนข้อมูล กับชุดเจ้าหน้าที่ สร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชน จึงต้องทำความเข้าใจกัน

นายนิรันดร์ พงษ์เทพ ผู้ใหญ่บ้านบางกลอยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ประกาศเสียงตามสายและให้ญาติพี่น้องที่อยู่บางกลอยล่างขึ้นไปตามคนที่อยู่ข้างบนเพราะกลัวว่าเจ้าหน้าที่จะเอาผิด แต่คนที่ไปตามกลับมาเล่าให้ฟังว่าชาวบ้านที่อยู่ข้างบนไม่อยากให้ผู้นำเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงเห็นว่าตนไม่ได้รับแจ้งข่าวใดๆ ตอนที่พวกเขาประชุมลับก่อนอพยพขึ้นไป เพราะพวกเขาต้องการจัดการกันเอง อย่างไรก็ตามล่าเมื่อวันที่ 20 และ 21 มกราคมที่ผ่านมา ก็มี 2-3 ครอบครัวอพยพตามขึ้นไปอีก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกินและบางครอบครัวก็เป็นครอบครัวขยาย เช่นเดียวกับชาวบ้านที่อพยพขึ้นไปก่อนหน้านั้น ทั้งหมดเป็นคนที่ไม่มีที่ดิน คาดว่าตอนนี้มีชาวบ้านขึ้นไปอยู่ข้างบนแล้วประมาณ 17 ครอบครัวแต่จำนวนคนยังไม่ชัดเจน

“ผมให้ญาติพี่น้องเขาขึ้นไปตาม เขาก็บอกว่าไม่ต้องไปยุ่ง ที่ผ่านมาพวกเขาเคยเสนอความเดือดต้อนเรื่องที่ดินให้กับหน่วยงานนั้น หน่วยงานนี้ไปแล้วไม่รู้กี่รอบ แต่ไม่เคยมีการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จเลย ส่วนเรื่องการกินอยู่ของคนข้างบนก็ไม่ลำบากมาก เพราะคนกะเหรี่ยงกินอยู่ง่าย ขอแค่มีข้าวกิน พอข้าวสารหมดก็มีคนลงมาเอา กับข้าวก็เก็บผักหญ้า หาปลาตามลำน้ำกินกัน ตอนนี้ทางอำเภอสั่งให้ผมติดตามและรายงานเขา” นายนิรันดร์ กล่าว

ด้านนายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า ในวันที่ 22 มกราคม 2564 ตนได้ส่งหนังสือถึงประธานคณะกรรมการมรดกโลก ด้วยมีความห่วงกังวลในสถานการณ์ที่มีข่าวว่า ในวันที่ 14 มกราคม 2564 มีชาวบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน จำนวนร่วม 100 คน เดินเท้ากลับชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม หลังจากถูกเผาบ้านและยุ้งฉาง 98 หลัง ในปี 2554 พร้อมแนบหนังสือร้องเรียนของชาวกะเหรี่ยง

ในหนังสือร้องเรียนระบุว่า ชาวบ้านกว่า 107 ครอบครัว ประสบความยากลำบากเนท่องจากขาดแคลนที่ดินทำกิน เกิดความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังต้องเผชิญปัญหาสุขภาพ รายได้ การเลี้ยงชีพ และด้านอื่นๆ หลังจากถูกบังคับให้อพยพจากหมู่บ้านดั้งเดิม ที่อยู่กันมาหลายร้อยปีและหลายชั่วอายุคน

ประกอบกับ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ผู้นำในการเรียกร้องความเป็นธรรม ได้ถูกบังคับอุ้มหาย แม้ทางดีเอสไอจะพบหลักฐานสำคัญ แต่จนปัจจุบันการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดก็ยังไม่มีความคืบหน้า

On Key

Related Posts

รมว.กระทรวงน้ำของจีนเยือนไทย-ลงพื้นที่แม่น้ำโขง สทนช.ของบทำโครงการแก้ปัญหาอุทกภัยน้ำสาย-น้ำรวก นักอนุรักษ์แม่น้ำจี้รัฐบอกความจริง-ผลกระทบของคนท้ายน้ำจากเขื่อนจีน

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 เพจของสำนักงานทรัพยากรนRead More →

ผู้เชี่ยวชาญเตือนฤดูฝนหน้าลุ่มน้ำกก-ลุ่มน้ำสายเสี่ยงสึนามิโคลนอีก เหตุทำเหมืองต้นน้ำ แนะเร่งทำจุดตรวจวัดชายแดน เผยยังไม่มีหน่วยราชการตรวจสอบระบบนิเวศ ชาวบ้านท่าตอนยังกังวลน้ำกกขุ่น

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 ดร.ธนพล พิมาน หัวหน้าฝ่Read More →

ชุมชนในป่าเครียดหนักเหตุรัฐแก้ปัญหาเหมารวม-ห้ามเผาแบบไม่แยกแยะ ไฟป่า-ไฟเกษตร หวั่นวิกฤตอาหารบนดอย สส.ปชน.ชี้รัฐผูกขาดจัดการทรัพยากรนำสังคมสู่วิกฤต

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 ที่ห้องประชุมคณะสังคมศาRead More →

เผยเปิดหน้าดินนับพันไร่ทำเหมืองทองต้นน้ำกก สส.ปชน.ยื่น กมธ.ที่ดินสอบ หวั่นคนปลายน้ำตายผ่อนส่งจี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาผลกระทบข้ามแดน ผวจ.เชียงรายสั่งตรวจคุณภาพน้ำ 24 มี.ค.

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 นายสมดุลย์ อุตเจริญ สส.Read More →